Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2539
ปี 2000 ทีจีโปรฝันตั้งเป้าส่งออกให้ได้ 50%             
 


   
www resources

โฮมเพจ- บริษัท ไทย - เยอรมัน โปรดักส์

   
search resources

ไทย-เยอรมัน โปรดักส์,บมจ
วีระเกียรติ ลีลาประชากุล
Import-Export




นั่นเป็นคำกล่าวอย่างหนักแน่นของวีระเกียรติ ลีลาประชากุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TG Pro ที่ตั้งเป้าในการขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์สแตนเลสไปยังตลาดต่างประเทศให้ได้ 50% ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งขณะนี้สามารถส่งออกได้เพียง 20% ของกำลังการผลิตเท่านั้นที่เหลือ 80% คือ การจำหน่ายในประเทศ

วีระเกียรติ ได้พูดถึงตลาดส่งออกที่จะขยายเพิ่มว่า จะส่งออกให้ครอบคลุมตลาดในย่านภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ก็ยังมีตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป เขากล่าวว่า "เราแบ่งตลาดส่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ อเมริกา 50% ยุโรป 25% เอเชีย 25%"

สาเหตุที่วีระเกียรติ ต้องการที่จะขยายตลาดส่งออกมากยิ่งขึ้นนั้น เพื่อเป็นการรองรับการเกิดของเขตการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟต้า ซึ่งปัจจุบันตลาดอาเซียนมีการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทท่อสแตนเลสน้อยมาก และมีคู่แข่งที่สำคัญอยู่แค่ประเทศญี่ปุ่นเพียงแห่งเดียว

ดังนั้น เราจึงสร้างตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย ยังไม่สามารถผลิตสแตนเลสขนาดเดียวกับที่ประเทศไทยผลิตได้ ดังนั้น ไทยยังเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าเหล่านี้ทั้งคุณภาพและราคา

โดยในช่วงแรกบริษัทจะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายยังประเทศอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ ส่วนประเทศมาเลเซียอยู่ระหว่างการเจรจา

สำหรับประเทศจีนที่หลาย ๆ คนเป็นห่วงว่า จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญในการผลิตอุตสาหกรรมสแตนเลสประเภทเดียวกันนี้ วีระเกียรติ บอกว่า เขามองต่างจากคนอื่น ด้วยเหตุที่ผลิตภัณฑ์ที่จีนผลิตได้ยังเป็นสินค้าประเภทแมส โพรดักส์ ที่ไม่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงมากนัก ประกอบกับเป็นการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศมากกว่าที่จะส่งออก

"ถ้าจะพิจารณากันจริง ๆ แล้วผมว่าในอุตสาหกรรมนี้ จีนน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 8-10 ปีกว่าที่จะพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตให้สูงกว่าที่เป็นอยู่และมีปริมาณมากพอที่จะส่งออกได้ ปัญหาอีกอย่าง คือ เรื่องการขนส่งที่จีนค่อนข้างมีปัญหาเพราะระบบสาธารณูปโภคของเขายังไม่สมบูรณ์ ระบบการขนส่งยังไม่รวดเร็วเท่าที่ควร"

ทางด้านกำลังผลิตวีระเกียรติบอกว่า ในปัจจุบันนี้อยู่ที่ 9,600 ตันต่อปี และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเต็มที่ถึง 39,000 ตันต่อปีภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุนของโครงการระยะที่ 2 ซึ่งจะเป็นการผลิตท่อรีดลดขนาด และอุปกรณ์สแตนเลส เพื่อป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ เพื่อใช้ในการผลิตหัวฉีดและท่อไอเสีย โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,228 ล้านบาท

ซึ่งบริษัทจะใช้แหล่งเงินกู้ระยะยาวจากธนาคารและสถาบันการเงินจำนวน 943 ล้านบาท และเงินสดจากการดำเนินงาน 285 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และจะสรุปผลได้ประมาณเดือนหน้านี้

ทางด้านแหล่งเงินทุนของบริษัทนั้น นอกจากจะได้มาจากเงินหมุนเวียนของบริษัทแล้วยังมาจากการระดมทุนในตลาดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้ระดมทุนไปเพียง 2 ครั้ง และล่าสุดได้ออกหุ้นกู้ชนิดไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิ ซึ่งหุ้นกู้ชนิดไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิ ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวฉบับละ 1,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นจำนวน 600 ล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอน 5 ปี โดยจะทำการจำหน่ายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และมีตลาดรองในชมรมผู้ค้าตราสารหนี้

โดยได้แต่งตั้งให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ, บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ คาเธ่ย์ทรัสต์, และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ เป็นผุ้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

วีระเกียรติ เล่าต่อไปว่า เงินที่ได้ในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการขยายโรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดระยอง โดยต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1,300 ล้านบาท ส่วนเงินจำนวนที่ขาดไปอีก 800 ล้านบาท ได้ทำการกู้ยืมมาจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ส่วนกรณีที่บริษัทถูกจัดอันดับจากบริษัทไทยเรทติ้ง แอนด์ อินโฟร์เมชั่น หรือทริสให้อยู่ในระดับ BB+ นั้น วีระเกียรติ มองว่า อาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปขณะนี้ค่อนข้างซบเซา

"แต่ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก เพราะหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมเดียวกันแล้ว ให้ BB+ ยังต่ำไปหน่อย เพราะทริสจะมองเรื่องโครงสร้างทางการเงินเป็นหลัก แต่เรามองเรื่องพื้นฐานทางอุตสาหกรรมด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีผลกับการจำหน่ายหุ้นกู้ที่เราจะออก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากภาคอุตสาหกรรม แต่เราก็จะพัฒนาบริษัทให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง AA ให้ได้"

แม้ว่าไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เกือบ 2 ปีแต่ภาพของบริษัทก็ยังไม่ทิ้งความเป็นธุรกิจครอบครัว เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมดยังเป็นคนของตระกูลลีลาประชากุล วีระเกียรติ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ได้อรรถาธิบายถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้าจริงจังว่า ไม่แปลกสำหรับธุรกิจใหญ่ ๆ ในประเทศไทยที่จะเติบโตมาจากตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ ทางบริษัทเองก็ได้ดึงมืออาชีพเข้ามาเป็นจำนวนไม่น้อย ต่อไปภาพของธุรกิจครอบครัวอาจจะเจือจางลงไปได้บ้าง แต่ไม่ว่าภาพลักษณ์ธุรกิจของบริษัทจะเป็นอย่างไร ผู้บริหารทุกคนก็จะทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us