Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2539
หุ้น SILI กับบทพิสูจน์ "กึ๋น" ครั้งใหม่ของเศรษฐา ทวีสิน             
 

 
Charts & Figures

โครงการอนาคตของแสนสิริ


   
www resources

โฮมเพจ แสนสิริ

   
search resources

แสนสิริ, บมจ.
เศรษฐา ทวีสิน
Real Estate




บริษัทแสนศิริ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวสุดท้ายที่เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา และก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงภาวะตกต่ำของธุรกิจที่ดิน จากราคาจอง 63 บาทปิดราคาซื้อขายจริงวันแรก 64 บาทสูงกว่าราคาจองเพียง 1 บาท เรียกว่าลุ้นกันแทบหืดขึ้นคอ

หลังจากนั้น ปักหัวดิ่งมาตลอดจนช่วงประมาณกลางเดือนสิงหาคมนั้น ราคาประมาณ 40-50 บาท ต่ำกว่าราคาจองตลอด

ทำไม ? บริษัทแสนสิริจึงกล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำต่อเนื่องมานานเป็นคำถามที่มองย้อนกลับไป

ปัจจุบันแสนสิริกำลังมีอาคารสูงที่กำลังก่อสร้างพร้อม ๆ กันถึง 9 โครงการ ใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาท เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินบริษัทเดียวที่กำลังทำโครงการตึกสูงในเมืองพร้อม ๆ กันมากที่สุด

โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนหลังของปี 2537 ที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ทยอยเปิดโครงการถึง 4 โครงการในปี 2538 มีโครงการที่ยังไม่เปิดตัวแต่ก่อสร้างไปก่อนอีก 2 โครงการ และเปิดตัวเป็นทางการไปแล้วอีก 1 โครงการ และมาในปี 2539 นี้กำลังเตรียมทำฐานรากอีก 2 โครงการใหญ่

โครงการส่วนใหญ่เป็นคอนโดที่อยู่อาศัยและเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 1,000 ยูนิตเป็นพื้นที่ของออฟฟิศและพลาซ่าประมาณ 70,000 ตารางเมตร

มันเป็นการทำธุรกิจสวนกระแสที่นักลงทุนรายอื่นกำลังจับตามองด้วยความสงสัยว่าเขากล้าทำไปได้อย่างไร ?

และตรงจุดนี้คงพอเป็นคำตอบได้ระดับหนึ่งว่า เพราะอะไรบริษัทแสนสิริจึงจำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เองก็ยอมรับกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่าช่วงนี้บริษัทจำเป็นต้องใช้เงินมาก การเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีช่องทางในการระดมทุนมากขึ้น รวมทั้งการเข้าตลาดจะทำให้ภาพจน์ของบริษัทดีขึ้น

หากพลิกปูมหลังของบริษัทแสนสิริ จะพบว่า มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ฝ่าย คือ กลุ่มตระกูลล่ำซำ และตระกูลจูตระกูล ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติที่สนิทสนมกันมานาน

"คุณชนาทิพย์ น้องสาวคุณบัญชา และบรรยงค์ ล่ำซำ ได้แต่งงานกับคุณโชติ จูตระกูล และมีลูกชาย 2 คน คือ อภิรักษ์ และอภิชาติ ส่วนคุณแม่ของผมเป็นน้องสาวคุณโชติ"

เศรษฐา อธิบายถึงสาแหรกของเขาให้ฟัง อภิชาติ กับอภิรักษ์ ก็คือกรรมการบริหารของบริษัท

ก่อนหน้านี้ ล่ำซำได้มีบริษัทของตัวเอง คือ บริษัทสิริภิญโญ ทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินให้กับตระกูลซึ่งตั้งมาประมาณ 28 ปี

ส่วนทางตระกูลจูตระกูลมีบริษัทแสนสำราญ ซึ่งตั้งมาประมาณ 13 ปี บริหารทรัพย์สินของตระกูลจูตระกูลเช่นกัน

บริษัท สิริภิญโญ และบริษัทแสนสำราญของ 2 ตระกูลนี้ ได้ผนึกพลังรวมเป็นบริษัทแสนสิริ เมื่อประมาณปี 2537 โดยมีนโยบายในการทำธุรกิจ 3 ประเภทหลัก คือ ธุรกิจการขายคอนโดมิเนียม ธุรกิจการให้เช่า และธุรกิจการให้บริการ โดยมุ่งไปยังทำเลย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่

จุดเด่นอย่างหนึ่งของกลุ่มบริษัทนี้อยู่ที่ว่า กรรมการบริหารบริษัทถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นคนของตระกูลทั้ง 2 แต่นับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการบริหารงานสมัยใหม่ หลายคนจบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจจากอเมริกา และที่สำคัญเป็นตระกูลที่มีสายสัมพันธ์อย่างดีกับแหล่งเงินทุนใหญ่ในประเทศ เพราะนอกจากล่ำซำแล้ว ทางกลุ่มนี้ยังเป็นเครือญาติกับทางตระกูลจักกะพากอีกด้วย

"คุณชูเชิดน้องสาวคุณโชติ คือ ภรรยาของ ดร.ประภาส จักกะพาก บิดาคุณปิ่น และคุณชดช้อย คุณแม่ผมก็คือน้องสาวคุณชูเชิด หรือสรุปง่าย ๆ อีกทีก็ คือ คุณปิ่น ผม และคุณอภิรักษ์ก็คือ ลูกพี่ลูกน้องกัน" เศรษฐา กล่าวและเล่าให้ฟังต่อว่า เขาได้ความรู้ทางการเงินจากปิ่นมาพอสมควรทีเดียว เพราะเป็นญาติที่วัยห่างกันไม่มากนัก

นอกจากนั้น หลังจากการกระจายหุ้นแล้ว ยังได้กลุ่มธนาคารไทยทนุมาถือหุ้นอีก 5.58% เพิ่มความแกร่งเรื่องการเงินมากขึ้น โดยตระกูลจูตระกูลเหลือหุ้นเพียง 39.71% กลุ่มล่ำซำถือหุ้น 35.09% ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ถืออยู่ 0.84% และกลุ่มอื่น ๆ อีก 3.29%

ในเรื่องที่ดิน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า กลุ่มนี้เอาที่ดินมรกดมาพัฒนาโครงการนั้น แต่ความเป็นจริงก็คือ โครงการทั้งหมดที่ทำมานั้นเป็นที่ดินมรดกของตระกูลจริง ๆ เพียง 3 โครงการเท่านั้น คือ ที่ดินแปลงซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสิริ ภิญโญ เป็นของตระกูลล่ำซำ ที่ดินซึ่งจะสร้างโครงการเซ็นจูรี่ปาร์คพลาซ่าบนถนนสุขุมวิท และโครงการบ้านไข่มุกที่หัวหินนั้นเป็นที่ดินของตระกูลจูตระกูล นอกจากนั้นเป็นที่ดินที่ผู้บริหารไขว่คว้าหามาใหม่เอาทั้งสิ้น

ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดว่าต้นทุนที่ดินของกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าต่ำกว่านักพัฒนาที่ดินรายอื่นเลย

วันนี้ เมื่อราคาหุ้นต่ำเกินความคาดหมาย "กึ๋น" ของเศรษฐา และทีมงานก็ต้องทำการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า จะแก้ไขกันอย่างไร

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us