Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2539
ประพัฒน์ โพธิวรคุณ ปลื้มกำไรโต 30% สวนกระแส             
 


   
search resources

กันยงอีเลคทริก, บมจ.
ประพัฒน์ โพธิวรคุณ
Commercial and business




ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ไตรมาสนี้ต่างตกต่ำกันทั่วหน้า จนประมาณกันว่า ค่าเฉลี่ยการขยายตัวของผลประกอบการรวมในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 12% จากเดิมที่เติบโตในระดับ 20-30%

อย่างไรก็ตาม บมจ.กันยงอิเลคทริก ภายใต้การบริหารงานของประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ ยังคงโชว์ผลประกอบการที่สวยหรูด้วยตัวเลขกำไรสุทธิที่เติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ เพิ่มขึ้นจาก 46.11 ล้านบาทเป็น 59.08 ล้านบาท

แต่หากดูกันชัด ๆ จะพบว่า กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงนี้เป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ รายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นถึง 108% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมและต้นทุนขายลดลง

"รายได้อื่นที่มีถึง 43 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ก็มาจากดอกเบี้ยรับ 11 ล้านบาท รายได้จากเงินปันผล 21 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ อีก 11.1 ล้านบาท" ประพัฒน์ แจง

ซึ่งในส่วนของรายได้อื่น 11.1 ล้านบาทนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนตัวลง โดยในไตรมาส 1 (ต.ค.-ธ.ค. 38) กันยงฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2% ของยอดส่งออกไปญี่ปุ่น แต่ในไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค.) และ 3 (เม.ย.-มิ.ย.) กันยงฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 10% และ 24.75% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ความพยายามลดต้นทุนการผลิตมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ก็ได้มาแสดงผลที่ชัดเจนในไตรมาสนี้ โดยบริษัทได้เจรจาต่อรองกับซัปพลายเออร์ให้มีการลดราคาสินค้าลงประมาณ 20%

ประพัฒน์ อธิบายว่า "เราตั้งเป้าให้เขาลดราคาลง 20% จากสินค้าที่ส่งมาขาย เพราะตอนต้นทุนสูง เขาขอขึ้นราคา พอต้นทุนลดก็ควรจะลดราคาด้วย แต่ถ้าจะให้เขาลดเฉย ๆ คงทำได้ยาก เราจึงช่วยโดยการส่งวิศวกรเข้าไปช่วยพัฒนาวิธีการทำงานของเขาให้มีระบบเดียวกับเรา เพื่อเขาจะได้มีต้นทุนที่ถูกลง แต่อีกส่วนหนึ่งเขาก็ต้องพยายามช่วยตัวเองด้วย เช่น พยายามซื้อสินค้าให้ได้ถูกลง"

การที่บริษัทมีซัปพลายเออร์จำนวนมากกว่า 200 ราย การเจรจาจึงเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในช่วงแรกก็เจรจากับรายใหญ่ ๆ ก่อน ซึ่ง ศุภชัย เศรษฐเสถียร ผู้จัดการทั่วไปของกันยงฯ กล่าวยอมรับว่า การเจรจาไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และซัปพลายเออร์รายใหญ่บางรายก็ส่งขายให้กับหลายแห่ง

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ช่วยทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบลงไปได้ประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ต้นทุนขายลดลงจาก 86% ของยอดขายในไตรมาส 1 เหลือ 84% ในไตรมาส 2 และ 83% ในไตรมาสนี้

ส่วนของยอดขายที่ตกลงไปในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนประมาณ 16% จาก 792.45 ล้านบาทเมื่อปีก่อนเหลือ 667.13 ล้านบาท มาจาก 3 สาเหตุสำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง สินค้าคงคลังของผู้จัดจำหน่ายมียอดสูงอยู่จึงชะลอการสั่งซื้อ และตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกงซบเซา

"ไตรมาสนี้ เรามียอดขายไปที่ญี่ปุ่นเพียง 56 ล้านบาทจากปีก่อนมีถึง 96 ล้านบาท" ประพัฒน์ กล่าว

ขณะที่ กันยงฯ มียอดส่งออกประมาณ 27.8% ของยอดขายทั้งหมด โดยส่งออกไปขาย 15 ประเทศ แต่เฉพาะญี่ปุ่นและฮ่องกง กันยงฯ ส่งออกไปถึง 50% และ 30% ของยอดส่งออกทั้งหมด

สินค้าที่ยอดขายตกลงมากที่สุดก็ไม่พ้นพัดลม ซึ่งตกลงมาประมาณ 4% เนื่องจากการแข่งขันสูง มีการลดราคากันมาก จากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์การค้าญี่ปุ่นพบว่า ความต้องการพัดลมในไตรมาสที่ผ่านมา ลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ศุภชัย ให้เหตุผลว่า "พัดลมปีนี้ดีมานด์ลดลงไปมาก เป็นผลมาจากปีนี้อากาศร้อนช้า ฝนมาเร็ว ทำให้ฤดูร้อนสั้น แต่ยังโชคดีที่มิตซูบิชิยอดขายตกลงไปไม่มากนัก และยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดพัดลมขึ้นได้อีก"

สำหรับสินค้าที่ยอดขายเพิ่มขึ้นก็คือ เครื่องซักผ้า ปั๊มน้ำ และหม้อหุงข้าว ทั้งนี้ ยอดขายปั๊มน้ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ทำให้ปั๊มน้ำเดิมเสียหายไปมาก จึงมียอดซื้อเพิ่มขึ้นทันที แต่สำหรับเครื่องซักผ้านั้น ในไตรมาส 3 บริษัทมีนโยบายจะนำแบบถังใหญ่ ขนาด 4.2 และ 4.5 กิโลกรัม เข้ามาทำการตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนนิยมแบบถังใหญ่มากขึ้น

ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้ของบริษัทแบ่งออกเป็น พัดลม 27.8% ตู้เย็น 42.5% ทีวีสี 15% เครื่องซักผ้า 4% ปั๊มน้ำ 8.1% และหม้อหุงข้าว 2.6%

กระนั้นก็ตาม ประพัฒน์ยังคงคาดว่า ยอดขายจะดีขึ้นในปีหน้า เนื่องจากบริษัทกำลังจะมีสินค้ารุ่นใหม่ออกมาขายในช่วงปลายปี

นอกจากนี้ สินค้าหลายตัวจะมีการขยายการส่งออกมากขึ้น โดยขยายตลาดไปสหรัฐอเมริกา และยุโรป ขณะที่ตลาดฮ่องกงมีแนวโน้มดีขึ้น หากการกลับเข้าไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีนในปลายปีนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารบนเกาะฮ่องกง

"...ปีหน้าคาดว่า จะส่งออกไปญี่ปุ่น และจีนมากขึ้น เพราะปัจจุบันเราได้มาตรฐาน GB ของจีนแล้ว เชื่อว่า จะได้ ISO 9100 ในปีหน้า" ประพัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กันยงฯ ยังคงพยายามที่จะลดต้นทุนขายและค่ายใช้จ่ายลงไปอีก โดยการวางแผนผลิตวัตถุดิบเอง โดยเฉพาะชิ้นส่วนประเภทพลาสติก

แต่สำหรับยอดขายของปีนี้ ประพัฒน์ กล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อยว่า "ทุกปียอดขายจะโตประมาณ 15-20% แต่ปีนี้ ตั้งเป้าโตไม่เกิน 10% ส่วนยอดส่งออกปีก่อนมีประมาณ 28% ปีนี้คาดว่าจะเหลือประมาณ 26%"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us