Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์15 พฤษภาคม 2549
หอบเงินลงทุนหลบภัย"เงินเฟ้อ""ทองคำ"มีโอกาสแตะหมื่นสาม             
 


   
search resources

อดิศร เสริมชัยวงศ์
Jewelry and Gold




ถ้าตัวเลขเงินเฟ้อ จะกระชากให้ราคาน้ำมัน และดอกเบี้ยพุ่งฉิว จนเจ้าของเงินออมต้องมองหาแหล่งพักเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้ออย่างขาดลอย แต่ก็ยังหาทางออกไม่เจอ ผู้คร่ำหวอดในวงการลงทุนแนะนำว่า แม้ว่าราคาทองคำในช่วงนี้จะอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะโจนทะยานแบบนี้ตลอดไป หรืออย่างผลการศึกษาที่ระบุว่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาจะให้ผลตอบแทนได้ถึงกว่า 3,000% แต่แน่ใจได้แค่ไหนว่าเราจะไม่เจ็บตัว หรือแม้กระทั่งกองทุนรวมก็ตามก็ยังไม่มีคำตอบให้แน่ชัด สำหรับประกันชีวิตที่อาจดูไม่มีสีสันนักในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีดีเอาเสียเลย....

เริ่มต้นที่ราคาทองคำแท่งซึ่งเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมและมีกระแสซื้อเก็งกำไรมากสุดในเวลานี้ จิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ มองว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นในช่วงที่ผ่านมาคือ การที่กองทุนในต่างประเทศนำกำไรจากการเก็งกำไรน้ำมันมาลงในตลาดทอง ซึ่งสังเกตได้จากราคาที่ขึ้นลง 20-30 เหรียญสหรัฐและมีการปรับ 4-5 ครั้งต่อวัน คล้ายกับช่วง สงครามอ่าวเปอร์เชียและ 11 กันยายนซึ่งสถานการณ์โลกไม่แน่นอน หากสถานการณ์โลกราคาทองจะขึ้นสวนทางกับราคาหุ้นที่ตก

ในอีกมุมหนึ่งราคาทองคำก็สามารถลงได้เร็วเหมือนกัน เช่นตัวอย่างในวันที่ 21 ม.ค.1980 ราคาทองในตลาดโลกอยู่ที่ 850 เหรียญ/ออนซ์ แต่ในวันรุ่งขึ้นลดลงเหลือเพียง 730 และเรื่อยไปแตะระดับต่ำที่สุดที่ 250 เหรียญ/ออนซ์ สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบันคาดว่าน่าจะมีแนวโน้มไปถึง 700 เหรียญ ได้ในไม่ช้านี้ซึ่งก็ต้องรอดูเหตุการณ์โลกแต่ไม่น่าถึง 800 เหรียญ ด้านราคาในประเทศก็อาจได้เห็นบาทละ 1.3 หมื่นบาทแต่คงจะไม่ใช่เร็วๆนี้

หากมองในแง่ผลตอนแทนย้อนหลัง 3-4 ปีที่ผ่านมาพบว่าทองคำสามารถทำได้เกิน 10%ทุกปีในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในอัตราไม่เกิน 3% เท่านั้น เทคนิคที่จิตติแนะนำคือ หากซื้อทองในช่วงปีที่ผ่านแล้วซึ่งถือว่ามีกำไรแล้วควรจะเทขายออกมาครึ่งหนึ่งก่อนเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนกำไรแล้วเอาเงินที่ได้นี้ไปลงทุนอย่างอื่นต่อ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้ขายเมื่อพอใจหลังจากราคาสูงกว่านั้น

ข้อดีของการซื้อทองคำแท่งนี้คือจะไม่ต้องเสียภาษีทั้งสรรพสามิตและภาษีศุลกากร โดยหากซื้อไม่มากก็ควรจะซื้อความบริสุทธิ์ชนิด 96.5% แต่หากซื้อจำนวนมากควรซื้อชนิด 99.5% โดยน้ำหนักต่ำสุดเริ่มต้นที่ 5 บาท โดยการเลือกซื้อก็ควรจะซื้อกับร้านค้าใหญ่และเก่าแก่เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง ทั้งนี้ทองคำในประเทศไทยจะแปรผันตามราคา ณ ตลาดฮ่องกง และ ญี่ปุ่น และค่าเงินบาทเป็นหลัก

ต่อด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น วิเชษฐ ตันติวานิช ประธานที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ให้ความเห็นว่า แม้ว่าหุ้นจะมีการซื้อขายในตลาดเสรีคล้ายตลาดทองคำต่างประเทศทำให้มีผู้ได้ผลประโยชน์มือใหญ่มือเล็กและมีการปล่อยข่าวเป็นธรรมดาแต่ตลาดฯก็ได้พยายามป้องกันเต็มที่

สำหรับปัจจัยพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนในตลาด หากมองถึงอัตราการทำกำไรย้อนหลัง 10-20 เดือนจะพบว่าบริษัทส่วนใหญ่จะมีค่าสูงขึ้นโดยตลอด แม้จะต้องผ่าฟันกับสถานการณ์ด้านลบตลอดมา ซึ่งก็ถือได้ว่ามีการจัดการที่ดี แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ในอนาคตเพราะมีปัจจัยหลายตัวที่ควบคุมไม่ได้เช่น ค่าแรง, ค่าไฟฟ้า, ค่าขนส่ง ฯลฯ

ด้านปัจจัยจิตวิทยาเมื่ออยู่ท่ามกลางปัจจัยลบซึ่งส่งผลถึงค่าผลตอบแทน P/E ของตลาดต่ำกว่า 10 เท่าในขณะที่ตลาดเพื่อนบ้านสูงกว่า 10 หมด ทั้งนี้เพราะทุกคนพุ่งเป้ามองว่าปัจจัยระยะสั้นไม่น่าจะดี แม้ตัวหุ้นจะมีคุณค่าแต่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ดีเท่าที่ควร

ทั้งนี้การจะลงทุนในหลักทรัพย์ใดก็ตามต้องพิจารณาใน 3 ปัจจัยหลักคือ ผลตอบแทนที่คาดหวัง ,ความเสี่ยง และสภาพคล่อง เปรียบเทียบกับหลักทรัพย์อื่นซึ่งก็จะต้องดูช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมประกอบด้วย อย่างในต่างประเทศก็จะมีดัชนีเปรียบเทียบการลงทุนในหุ้นเทียบกับเงินฝาก,พันธบัตร,ของเก่า,รูปภาพ ฯลฯ ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ไทยก็ได้ออกดัชนีผลตอบแทนรวม( TRI) ซึ่งเป็นดัชนีใหม่ที่ใช้ในการเปรียบเทียบมาแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

สำหรับบุคคลธรรมดาการลงทุนในตลาดฯที่ถูกต้องควรจะซื้อเฉพาะหุ้นตัวที่เรารู้จักดีทั้งในแง่พื้นฐาน, แนวโน้มธุรกิจ และผู้บริหาร ไม่เกิน 10 ตัวเท่านั้นเนื่องจากในแต่ละวันเราไม่มีเวลาติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ตลอด แต่หากต้องการลงทุนในหุ้นมากกว่า 10 ตัวก็ควรจะหันไปซื้อกองทุนรวมโดยเลือกกองที่มีหุ้นซึ่งเราต้องการอยู่ในพอร์ตจะสะดวกกว่าและเราก็จะเสียเพียงค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการเท่านั้น

อดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) ไทยพาณิชย์ เสริมว่า ปัจจุบันมี บลจ.อยู่ทั้งหมด 18 แห่ง ทำให้การแข่งขันในตลาดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถพิจารณาค่าธรรมเนียมเรียกเก็บและค่าตอบแทนที่ได้รับ เลือกซื้อที่ถูกใจได้มากขึ้น โดยกองทุนรวมก็มีทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นและกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมากองทุน LTF จะเป็นที่ได้รับความนิยมและเติบโตเร็วที่สุด

ด้านมิติการลงทุนในกรมธรรม์ประกันชีวิต สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด มองว่า หากจะพูดถึงการประกันชิวิตทิศทางก็อาจจะเป็นเรื่องของการคุ้มครองและการออมมากกว่าการลงทุน เว้นแต่จะเป็นกรมธรรม์ระยะยาวสะสมทรัพย์โดยจะมีส่วนดีที่ช่วยลดภาษีได้ด้วย แต่ที่ได้แน่นอนก็คือความคุ้มครองจากกรมธรรม์ โดยไม่มีความเสี่ยงผลตอบแทนสูญหายเพราะ มีทั้งการจ่ายดอกเบี้ยและการรันตีมินิมั่มรีเทิร์น

สำหรับข่าวดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในแวดวงประกันชีวิตเร็วๆนี้ก็คือ จะมีการหารือกับทางราชการที่จะออกนโยบายประกันชีวิตแห่งชาติซึ่งจะนำไปช่วยลดหย่อนภาษีได้ในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าซื้อ LTF

นอกจากนั้นตัวผลิตภัณฑ์เองยังมีความหลากหลายซึ่งในไม่ช้านี้ จะมีกรมธรรม์ที่มีการลงทุนหลากหลาย ทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุนในหุ้น ซึ่งผู้ซื้อสามารถกำหนดพอร์ตได้ตามต้องการ เพิ่มความคุ้มครอง โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือซื้อกรมธรรม์ใหม่

แม้ว่าภายใต้ภาวะน้ำมันแพงและดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ การลงทุนทุกประเภทก็ยังสามารถให้ผลตอบแทนได้ดี ขึ้นอยู่กับว่าผู้ลงทุนจะมีความเข้าใจในข้อมูลพื้นฐานและสภาพความเป็นไปตลอดจนระยะเวลาที่เหมาะสมของมันได้ดีเพียงใด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us