Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์15 พฤษภาคม 2549
LPNฉีกตลาดหนีคู่แข่งขยายฐานลูกค้าล่าง-กลาง             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate
โอภาส ศรีพยัคฆ์




“แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์”หนีคู่แข่ง เร่งขยายฐานลูกค้าสู่ระดับล่าง ราคา 500,000 บาท หลังโกยยอดขายคอนโดมิเนียมราคา 1 ล้านบาทเศษแบบถล่มทลายทุกทำเล ปูพรมโครงการแรกย่านอ่อนนุช มูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมเจรจาสถาบันการเงินปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มเสี่ยง สร้างความมั่นใจจองแล้วมีแบงก์ปล่อยกู้

แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะอยู่ในช่วงขาลง แต่บรรดาเซียนในวงการอสังหาฯต่างก็ดาหน้ากันออกมาการันตีว่าปีนี้ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกราว10%แม้ว่าจะมีปัจจัยลบเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงในช่วงไตรมาสแรกตลาดหดตัวลง 20% ซึ่งเกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง ซึ่งมีผลในระยะสั้นๆ หลังจากนี้ตลาดจะเริ่มสดใส

ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมนั้น อาจจะโชคดีกว่าเซกเมนท์อื่น เพราะยังมีกำลังซื้อบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากำลังซื้อระดับบนเหลือน้อยมากแต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจริงๆ ขณะที่ตลาดที่ยังร้อนแรงคือระดับราคาปานกลาง หรือราคาเฉลี่ยที่ยูนิตละ1-2 ล้านบาท มีผู้ประกอบการหลายรายแห่เข้าไปทำตลาด ซึ่งเท่ากับว่าแย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกันมากขึ้น

โดยบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้ที่ทำตลาดดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี และเมื่อมีผู้ประกอบการหลายอื่นมาแย่งตลาด จึงปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขัน พร้อมทั้งต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ประกอบกับรู้ว่ามีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมราคา 500,000 บาท บริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯจึงมีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ราคายูนิตละประมาณ 500,000 บาทขึ้นไป

การทำคอนโดมิเนียมราคา 500,000 บาท นอกจากจะเป็นการขยายฐานลูกค้าแล้ว ยังมีช่องว่างการทำการตลาดอีกด้วย เพราะคอนโดมิเนียมราคานี้ไม่ค่อยมีผู้ประกอบการรายใดลงทุน โดยก่อนหน้านี้มีกลุ่มนิรันดร์ ที่ทำในราคา 2-3 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่มีความต้องการค่อนข้างมาก เห็นได้จากการเปิดให้จองโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ(กคช.) ที่ประชาชนจำนวนมากแห่กันไปจอง จนทำให้กคช.สร้างไม่ทันส่งมอบ

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ กล่าวว่า บริษัทเห็นว่าลูกค้าที่มีความต้องการคอนโดมิเนียมราคา ประมาณ 500,000 บาทมีจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มที่เช่าบ้าน หรือเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ ซึ่งมีกำลังในการผ่อนชำระในแต่ละเดือน และต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมเอง แต่ไม่สามารถหาซื้อได้ เพราะไม่มีผู้ประกอบการลงทุน

ดังนั้น แอล.พี.เอ็น.ฯ จึงมีแผนที่จะลงทุนโครงการในระดับราคาดังกล่าว โดยจะเลือกบริเวณแหล่งชุมชน ที่ออกจากเมืองไม่ไกลมากนัก และใกล้กับแนวรถไฟฟ้า ซึ่งในเบื้องต้นมีแผนที่จะลงทุนโครงการในย่านอ่อนนุช ไม่เกินศรีนครินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวรถไฟฟ้า BTS เพียง 15 นาทีเท่านั้น

“เหตุผลที่แอล.พี.เอ็น.ฯกล้าลงทุนโครงการระดับล่าง เพราะมีข้อได้เปรียบตรงที่มีฐานข้อมูลลูกค้าที่ต้องการพักอาศัยในคอนโดมิเนียมมากกว่าหลักหมื่นรายและรู้ว่าพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร ที่สำคัญยังมีช่องว่างในการทำการตลาดอีกมาก จึงสนใจลงทุน”โอภาสยืนยัน

สำหรับรายละเอียดโครงการจะพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตมากกว่าโครงการที่ทำราคา 1 ล้านบาทขึ้นไปเท่าตัว หรือราวๆ 3,000 ยูนิต ส่วนพื้นที่ใช้สอยจะมีขนาด 22 ตารางเมตรขึ้นไป มูลค่า 1,500 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานทั้งในแง่ของการสั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง การบริหารสต็อก และประสิทธิภาพของบุคคลากร ตลอดจนคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้

หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนออกไปยังพื้นที่อื่นด้วย อาทิ งามวงศ์วาน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะผ่อนชำระเพียงเดือนละ 2,000-3,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับค่าเช่าที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ขณะที่มีรายได้เฉลี่ยครอบครัวละ 15,000 บาทขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่อาจจะไม่ปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใบรับรอง หรือหลักฐานแสดงรายรับรายจ่าย บริษัทจึงได้เจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อให้ปล่อยสินเชื่อกับลูกค้า

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามที่จะให้กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และธนาคารออมสิน เป็นหัวหอกในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าระดับนี้ เพราะเชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือน และเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีวินัยในด้านการเงิน

โอภาสกล่าวอีกว่า มีแผนจะปรับราคาขายประมาณ 5% เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้ค้าวัสดุก่อสร้างและผู้รับเหมขอปรับค่าขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นเหล็กและทองแดงที่ปรับขึ้น10% และคาดว่าปูนซิเมนต์จะมีการปรับขึ้นในไม่ช้า

สำหรับแผนการลงทุนในไตรมาสสอง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 2 แห่ง มูลค่ารวม 2,800 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2550 ขณะที่ไตรมาส 3 จะเปิดโครงการใหม่อีก 1 แห่งได้แก่ โครงการลุมพินี ปิ่นเกล้า 2 จำนวน 600 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยมีโครงการที่เปิดขายรวม 5 โครงการ

ด้านผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่ารับรู้รายได้ 5,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 6,500 ล้านบาทในปี 2550 โดยในปี 2551 จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกมียอดขายประมาณ2,000ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us