Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 พฤษภาคม 2549
ITV ร่วงต่อ 17% คปส.เสนอ 3 ทางยึดสัมปทานคืน             
 


   
www resources

โฮมเพจ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี

   
search resources

ไอทีวี, บมจ.
Stock Exchange
TV




วงการหุ้น แนะทิ้งหุ้น "ไอทีวี" กดดันให้ราคาหุ้นร่วงกราวรูดเป็นวันที่สอง ปิดที่ 5.45 บาท ลดลงจากวันก่อนเกือบ 17% ซึ่งเป็นราคาย้อนหลังไปเมื่อ 3 ปีก่อน โบรกเกอร์ แห่ปรับลดราคาที่เหมาะสมเหลือแค่ 4-5 บาท และติดลบแน่นอนในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดยืนคำพิพากษาตามศาลปกครองกลาง ด้าน ปชป. แฉผลประโยชน์ทับซ้อน และความไม่จริงใจรักษาผลประโยชน์ชาติของรัฐบาล ขณะที่ คปส. เสนอ 3 ทางเลือกยกเลิกสัมปทานก่อนจัดสรรใหม่

วานนี้ (10 พ.ค.) ราคาหลักทรัพย์ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ itv ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อน เนื่องจากยังมีแรงเทขายออกของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะอนุญาโตตุลาการ และทำให้ไอทีวี ต้องกลับไปปฏิบัติตามเดิม

โดยราคาหุ้น ITV ได้ปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 5.05 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายหุ้นละ 5.45 บาท ลดลงจากวันก่อน 1.10 บาท หรือคิดเป็น 16.79% มูลค่าซื้อขาย 1,034.35 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายสูงสุดประจำวัน ทั้งนี้ราคาปิดวานนี้ที่ 5.45 บาท ถือเป็นราคาที่ต่ำที่สุดเมื่อย้อนกลับไปถึง 3 ปีที่ผ่านมา คือ ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 ที่ราคาหุ้นไอทีวีปิดอยู่ที่หุ้นละ 5.40 บาท

ในวันเดียวกันนี้ ไอทีวี ได้แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2549 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีรายได้รวม 496.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 103.25 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 567.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 161.61 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.19 บาท หรือมีรายได้และกำไรสุทธิลดลง 12.51% และ 36.11% ตามลำดับ

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า หุ้นไอทีวี ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังศาลปกครองกลางมีการเพิกถอนคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ และคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำตัดสินยืนตามศาลปกครองกลาง ดังนั้นจึงได้ปรับลดราคาหุ้นเหมาะสมปีนี้ เหลือหุ้นละ 0.76 บาท และมีโอกาสที่จะมีการปรับตัวลดลงไปติดลบ

ทั้งนี้ หากศาลปกครองสูงสุดตัดสินยืนตามศาลปกครองกลางจริง ไอทีวีจะต้องมีการควบคุมรายได้ เพื่อที่จะไม่ให้มีการจ่ายค่าสัมปทานเกิน 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทแนะนำให้มีการหลีกเลี่ยงการลงทุนเนื่องจากมีความเสี่ยงในคำตัดสินของศาลอยู่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ราคาหุ้นคงจะไม่ลงแรงมาก คงจะอยู่ในระดับหุ้นละ 4-5 บาท เพราะไอทีวีขอความคุ้มครองจ่ายค่าสัมปทานที่ 230 ล้านบาท จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำตัดสิน ทำให้ไอทีวียังมีผลประกอบการที่มีกำไร

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ราคาหุ้นไอทีวีคงจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 5 บาท เพื่อสร้างฐานใหม่ ซึ่งเป็นระดับราคาซื้อขายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าที่ผ่านมาราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ได้มีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรจากกรณีที่ยังมีคำสั่งศาลเป็นที่สิ้นสุด

ขณะเดียวกัน ได้มีการปรับลดประมาณการราคาหุ้นไอทีวีปีนี้เหลือหุ้นละ 5 บาท จากเดิมอยู่ที่ 13-14 บาท และหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด แต่นักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไรจะต้องรอให้ราคาหุ้นไอทีวี มีการสร้างฐานไปอีก 1-2 เดือน ซึ่งต้องรอดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส1/49 และรายละเอียดการอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการปี49 ของไอทีวี จะยังไม่ได้รับผลกระทบ

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล. พัฒนสิน กล่าวว่า จากที่ไอทีวีต้องจ่ายค่าสัมปทานเดิมปีละ 1 พันล้านบาท หรือ 44% ของรายได้ ในจำนวนเงินที่สูงกว่านั้น ในปี 2549 อาจทำให้ไอทีวีขาดทุนได้สูงถึง 1.9 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรกว่า 807 ล้านบาท เนื่องจากไอทีวีต้องจ่ายสัมปทานย้อนหลัง 3 ปี หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท และต้องปรับผังรายการเพิ่มสัดส่วนข่าวเป็น 70% จะทำให้ไอทีวีขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก

ส่วนกรณีที่ผู้บริหารจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งอาจมีนักลงทุนที่มองว่าผลอาจจะออกมาเป็นกลายเป็นชนะคดีก็มี แต่ในช่วงนี้แนะนำ "หลีกเลี่ยง" หุ้นไอทีวี และมองปรับราคาพื้นฐานอยู่ที่ 2.50 บาท

**ปชป.แฉผลประโยชน์ทับซ้อน

ด้านนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยของรัฐบาลชุดนี้ เพราะจากการตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แพ้ไอทีวี เมื่อปี 2547 รัฐบาลไม่ได้เร่งรีบในการเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์กลับคืนมาสู่รัฐ แม้จะมีการกดดันจาดมวลชน ซึ่งทำให้เห็นถึงพฤติกรรม 2 ลักษณะ คือ

1. การเลือกปฏิบัติ เห็นได้จาก กรณีค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท ที่นายกฯ แสดงท่าทีขึงขังในการปกป้องผลประโยชน์ให้กับรัฐ โดยการตั้งทีมกฎหมายยื่นอุทรณ์ เพื่อจะไม่จ่ายค่าโง่ดังกล่าว ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน แตกต่างจากที่ สปน. ใช้เวลา 2 เดือนกว่า ในการยื่นคำร้องศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และยังมีคำถามตามมาว่า การที่ สปน.ฟ้องไอทีวีนั้น เพื่อลดกระแสความไม่พอใจทางสังคมหรือไม่

2. การเจรจาต่อรองที่ส่อแววว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีความพยายาม ในการเปิดช่องให้ไอทีวี ละเมิดสัญญาขยายช่วงเวลา ไพรม์ไทม์ จากเดิม 19.00 - 21.30 น. เป็น 18.00-23.00 น. รวมทั้งปรับผังรายการให้มีรายการบันเทิง รวมอยู่ช่วงเวลาข่าว โดยอ้างมติครม. เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2546 ที่กำหนดให้ออกอากาศ รายการเด็ก เยาวชน และครอบครัว ในช่วงไพรม์ไทม์ 18.00-23.00 น. มาสร้างความชอบธรรมให้กับการปรับผังของไอทีวี

"พฤติกรรมในขณะนั้นมีความน่าเคลือบแคลงสงสัย เป็นเสมือนละครฉากใหญ่ ที่หลอกลวงประชาชน การสมรู้ ร่วมคิด แบบแยบยล บ่งชี้ถึงความน่าสงสัย ว่าอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะกิจการไอทีวีในขณะนั้น คือ 1 ในเครือชินคอร์ป ซึ่งยังเป็นของตระกูลของชินวัตรอยู่ วันนี้คำตัดสินศาลปกครองที่ให้ สปน. เป็นผู้มีชัย อาจไม่ใช่การสิ้นสุดกรณีพิพาท แต่เป็นการแสดงให้เห็นทาสแท้รัฐบาล ที่ยอมให้ประชาชนได้รับประโยชน์เมื่อตนเอง ไม่มีผลประโยชน์ในกิจการนั้นแล้ว" นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

**เสนอยึดคืนสัมปทานไอทีวี

ด้านน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) กล่าวว่า หลังจากนี้เฉพาะหน้าทาง คปส.จะผลักดันให้ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับไอทีวีให้ยกเลิกสัญญาและยึดคืนสัมปทานมาจัดสรรใหม่ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนกลับคืนมาสู่เจตนารมณ์ของการก่อตั้งไอทีวีเริ่มแรก ในระหว่างนี้ทาง คปส.จะรณรงค์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการผลักดันการปฏิรูปสื่อ โดยเฉพาะการสร้างเสรีให้กับสื่อไอทีวี หลังจากนั้นจะผลักดันกับรัฐบาลชุดใหม่ในประเด็นดังกล่าวร่วมกับประชาชน

"วันนี้ไอทีวีมีโครงสร้างที่ยึดโยงอยู่กับเจ้าของที่เป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่อย่างชินคอร์ป และเทมาเส็ก แม้ว่าจะมีคำสั่งศาลปกครองดังกล่าวแล้วทำให้มีการปรับผังรายการข่าวเพิ่มมากขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอิสระจากธุรกิจการเมืองและธุรกิจต่างชาติ การเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้จึงจำเป็นที่จะต้องให้ไอทีวีมีความเป็นเสรีอย่างแท้จริง"

พร้อมกันนี้ ได้เสนอทางออกไว้ 3 แนวทาง คือ แนวทางแรก ให้รัฐซื้อหุ้นคืนจากเอกชนที่ถือหุ้นอยู่ และอาจจะให้ อสมทเข้ามาบริหาร แต่ในกรณีนี้อาจจะเจอกรณีหนีเสือปะจระเข้ และยังมีข้อถกเถียงว่าทำไมรัฐต้องลงทุนมากมายขนาดนั้น

แนวทางที่สอง คือให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือครอง ซึ่งกรณีนี้จะเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมเฉพาะคนที่เล่นหุ้นเท่านั้นและยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าประโยชน์สาธารณะ

ส่วนแนวทางที่สามคือการยกเลิกสัญญาและกติกาในการเป็นเจ้าของและการบริหารใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นเหมือนเริ่มแรกที่ระบุให้บริษัทเอกชน 10 แห่ง เป็นเจ้าของร่วมกัน มีอำนาจในการบริหารเท่าๆ กัน และจำกัดว่าไม่ควรมีบริษัทใดถือหุ้นเกิน 10% หรืออาจเปลี่ยนไอทีวีเป็นองค์กรมหาชน เช่นเดียวกับบีบีซีของอังกฤษที่มีลักษณะคล้ายองค์กรอิสระ ไม่อยู่ภายใต้รัฐและเอกชนรายใด คนที่จะมาบริหารก็เป็นอิสระ ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากประชาชนผ่านภาษี เหมือนในกรณีของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หรืออาจต้องคิดโมเดลใหม่ที่สอดคล้องกับสังคมไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us