|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทหลักทรัพย์ โชว์ผลงานไตรมาสแรกปี 49 นำร่องโดยบล.บัวหลวง กำไรสุทธิเพิ่มกว่า 104% เหตุรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 14.76 ล้านบาท และไม่มี ภาระต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเป็นโบรกเกอร์อีกแล้ว ตามด้วย "ภัทร" และ "ยูโอบี เคย์เฮียน" กำไรสุทธิ 85% และ 13% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 ปรากฏว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 64.16 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.36 บาท หรือกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.37 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 104.53% แม้รายได้ค่านายหน้าจะลดลง 1.66 ล้านบาท หรือลดลง 0.77% ตามปริมาณการซื้อขายของตลาดรวม ว่า บริษัทมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 92.08% เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากบริษัทมีผลงานการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการเสนอขายหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ในปริมาณที่มากกว่าผลงานในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ กำไร/ขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.80 ล้านบาท โดยมาจากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการตีราคาหลักทรัพย์
สำหรับดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 6.38 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับที่มากขึ้นจากเงินฝากในสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการลงทุนในตราสารหนี้ รายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากยอดเงินของบริษัทที่มีมากขึ้น เนื่องมาจากการเพิ่มทุนเมื่อไตรมาส 1 ปี 2548 และกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท ประกอบกับบริษัทได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นใน ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 รวมทั้งบริษัทได้รับเงินปันผลจำนวน 1.94 ล้านบาทจากการลงทุนในไตรมาสที่ 1 ปี 2549
ส่วนดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาท มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 10.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 30.16% สาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทไม่มีภาระต้องชำระค่าธรรมเนียมสมาชิกตลาดหลักทรัพย์นับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ (โอนกลับ) เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2549บริษัทเก็บเงินที่ค้างชำระเกินกำหนดจากลูกค้าได้จำนวน 3.25 ล้านบาท
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 1.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2548 โดยสาเหตุหลักมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสถานที่และอุปกรณ์รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ เงินบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติสึนามิ ซึ่งเงินบริจาคดังกล่าวเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2548 อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 บริษัทมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของรายได้
ด้านบล.ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 โดยมีกำไรสุทธิ 181.09 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.85 บาทกำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.86 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.61 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 83.23 ล้านบาท คิดเป็น 85.05%
ขณะที่บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 70.82 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาทกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.29 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.53 ล้านบาท คิดเป็น 13.69%
|
|
|
|
|