|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไฮเออร์ไทยชี้ชัดไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทีดับบลิวแซดที่ตั้งบริษัทขึ้นมาอีกแห่งทำตลาดไฮเออร์ในไทย ยันต่างฝ่ายต่างทำตลาด ยอมรับมีเพียงสินค้ากลุ่มโทรทัศน์แอลซีดีเท่านั้นที่อาจจะซ้ำซ้อนกัน เผยแต่ก็เป็นสิ่งดีที่กลุ่มทีดับบลิวแซดเข้ามาร่วมค้าช่วยเสริมช่องทางจำหน่ายได้อีกทาง โดยเฉพาะสินค้าประเภทไอที ด้านไฮเออร์เอง เตรียมบุกเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มพิกัด ส่งแอลซีดีลงสมรภูมิรบ คุยยอดขายในไทยสิ้นปีเติบโตกว่า 100% คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท
นาย หัว ซิน ไหล่ ผู้จัดการการทั่วไป ฝ่ายภาคพื้นเอเชีย บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ไฮเออร์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ได้ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย รวมถึงบริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา ภายใต้ชื่อ บริษัทไฮเออร์ บิซิเนส (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อไม่นานนี้นั้นจะเป็นการขายสินค้าประเภทไอทีเป็นส่วนใหญ่ และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย)โดยตรง ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของบริษัท ไฮเออร์ บิสิเนสฯ จึงมิได้เกี่ยวข้องกับทางบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด
“ทั้งนี้บริษัทไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดนั้น ยังคงเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ร่วมทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เช่น การเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในงาน ประกาศผล MTV ASIA AWARD 2006 ที่จัดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
ด้านนายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ไฮเออร์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำงานระหว่างบริษัทฯกับทางไฮเออร์ บิซิเนสฯ นั้น ถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด อีกทั้งมองว่าจะไม่มีการซ้อนทับการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้น ยกเว้นสินค้าประเภทโทรทัศน์จอแอลซีดีเท่านั้น ที่จะมีการจำหน่ายทั้งสองฝ่าย เนื่องจากทางบริษัทฯเองนั้น จะเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลักและโทรทัศน์จอแอลซีดีถือเป็นสินค้าในกลุ่มนี้ด้วย ส่วนทางไฮเออร์ บิซิเนสฯ เองนั้นจะดำเนินธุรกิจในกลุ่มสินค้าประเภทไอที และโทรทัศน์จอแอลซีดีบางรุ่น
“สำหรับโทรทัศน์จอแอลซีดีนั้น เป็นสินค้าที่สามารถจำหน่ายได้ทั้งช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและทางไอที ซึ่งแต่ละช่องทางนั้น จะมียอดจำหน่ายที่ดีได้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์เอง รวมถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละพื้นที่ว่ามีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างใด แต่ทั้งนี้ถือเป็นการดีทั้งคู่ ที่จะช่วยให้สินค้าโทรทัศน์จอแอลซีดีมียอดขายที่สูงขึ้น เนื่องจากปีนี้บริษัทฯจะนำเข้ามาจำหน่ายเป็นสินค้าหลัก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์”
ทั้งนี้บริษัทฯจะมีการนำโทรทัศน์จอแอลซีดีเข้ามาจำหน่ายในไทยทั้งสิ้น 8 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ขนาด 15นิ้ว ไปจนถึงขนาดใหญ่สุดที่ 46 นิ้ว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท โดยราคาในการจำหน่ายครั้งนี้ถือเป็นราคาจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด โดยจะนำเข้ามาครบทุกขนาดได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้กว่าหนึ่งพันเครื่องในปีนี้ ผ่านช่องทางการจำหน่ายทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชั่นนัลที่มีกว่า 100 ร้านทั่วประเทศ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับซีขึ้นไป
ปัจจุบันสินค้าหลักที่สร้างยอดขายได้สูงสุด คือ กลุ่มเอชเอ 55 % และเอวี 45 % โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นกว่า 100 % หรือกว่า 1,200 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมามียอดขายที่ 500 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะสามารถขยับส่วนแบ่งในตลาดไวต์กู้ดจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 2 % เพิ่มขึ้นเป็น 10 % ในภาคพื้นเซาส์อีสเอเชียได้ภายในระยะเวลา 5 ปี
**ดันไดสตาร์เป็นฐานการผลิตเซาส์อีสเอเชีย**
สำหรับฐานการผลิตในไทยนั้น บริษัทฯได้มอบให้บริษัท ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแล โดยทางบริษัทฯจะเป็นผู้นำเข้าสินค้าต่างๆในลักษณะเป็นชิ้นส่วน และทางไดสตาร์จะเป็นผู้ประกอบสินค้าให้ ในกลุ่มสินค้าหลัก อย่าง โทรทัศน์สี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า พร้อมกับการเพิ่มไลน์การผลิตในส่วนของ โทรทัศน์จอแอลซีดี อีกในปีนี้
“การที่มอบหมายให้ทางบริษัทไดสตาร์ฯ เป็นผู้ประกอบสินค้าให้นั้น เนื่องจากบริษัทฯได้เข้าไปร่วมถือหุ้นของบริษัท ไดสตาร์ฯ ตั้งแต่ปี 2545 โดยมีหุ้นอยู่กว่า 55 % และทางไดสตาร์มี 45 % ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ไดสตาร์ เป็นฐานการผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเซาส์อีสเอเชีย เช่น มาเลเซีย พม่า ลาว และ เขมร ส่วนการจะเปิดโรงงานการผลิตเองหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะเป็นในประเทศใดในแถบเซาส์อีสเอเชีย ในขณะที่ประเทศไทยเองถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีความน่าสนใจ และมีความสงบทางการเมือง แต่ทั้งนี้การจะเปิดโรงงานการผลิตใหม่หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับยอดขายเป็นหลัก” นาย หัว ซิน ไหล่ ผู้จัดการการทั่วไป บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) กล่าวในที่สุด
|
|
|
|
|