Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2539
โจนส์ แลง วูธทั่นบุญหล่นทับที่สาธร ?             
 


   
search resources

โจนส์ แลง วูธทั่น
ล่องลม บุญนาค
Real Estate




ประมาณเดือนกันยายน 2539 นี้ จะมีการซื้อขายที่ดินแปลงใหญ่มูลค่าสูงอีกแปลงหนึ่งบนถนนสาธรใต้

ที่ดินแปลงดังกล่าว มีขนาดพื้นที่ 10.5 ไร่ เป็นของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2463 เพื่อเป็นที่ทำการของสถานทูต และที่พักของเอกอัครราชทูต ประจำประเทศไทย แต่หลังจากการก่อสร้างที่ทำการใหม่บนถนนวิทยุของสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยเสร็จสมบูรณ์ลงรัฐบาลสหรัฐฯ เลยประกาศขายที่ดินแปลงนี้ โจนส์ แลง วูธทั่น (เจแอลดับบลิว) คือ บริษัทที่โชคดีได้เป็นตัวแทนในการขายที่ดินแปลงนี้

"เป็นที่ดินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในมือของโจนส์แลงฯ ตอนนี้" ล่องลม บุนนาค กรรมการบริหารคนหนึ่งของ JLW กล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

ที่ดินแปลงดังกล่าวถูกกำหนดราคาไว้ที่ประมาณ 5-5.5 แสนบาทต่อตารางวา รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 2,500 ล้านบาท

ในสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังทรงตัวอย่างนี้ ที่ดินมูลค่าสูงจำนวนพื้นที่มาก ๆ ในย่านใจกลางเมืองยังเป็นที่ต้องการ บทพิสูจน์นี้มาจาก ล่องลม ที่เขายืนยันว่า หลังจากข่าวการขายที่ดินแปลงนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีนักลงทุนได้ติดต่อเข้ามาขอรายละเอียดจากทางบริษัท พร้อมทั้งขอแบบฟอร์มหนังสือเสนอซื้อเพื่อที่จะยื่นให้กับรัฐบาลอเมริกาแล้วประมาณ 10 ราย เป็นนักลงทุนทั้งใน และนอกตลาดหลักทรัพย์ 7 ราย อีก 3 รายเป็นนักลงทุนชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้มีนักลงทุนชาวไทยร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้วย

แน่นอนว่า กลุ่มใดที่เสนอราคาสูงสุดและมีเทอมการชำระเงินสั้นที่สุด จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ไป ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐจะตัดสินใจฟันธงตกลงว่า จะเอากลุ่มไหนแน่นอนนั้นคาดว่าประมาณเดือนกันยายนก็คงรู้ผล สาเหตุที่ต้องทอดระยะเวลาให้ยาวออกไปถึงเดือนกันยายนทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ก็มีผู้ที่ต้องการซื้อแน่นอนแล้วนั้นเป็นเพราะว่า ทางรัฐบาลสหรัฐต้องการหากลุ่มลูกค้าให้กว้างที่สุดในภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก

สำหรับรูปแบบของโครงการที่นักลงทุนจะพัฒนาในที่ดินแปลงนี้นั้น ล่องลม กล่าวว่า มีการกำหนดไว้คร่าว ๆ ว่า จะแบ่งที่ดินออกเป็น 3 แปลงย่อย แปลงแรกจะถูกพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานที่จะขายยกอาคารไปเลยให้กับบริษัทที่สนใจ แปลงที่ 2 จะเป็นคอนโดฯ ที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ส่วนแปลงที่ 3 จะเป็นอพาร์ตเม้นต์ หรือออฟฟิศบิลดิ้งให้เช่า ซึ่งมูลค่าการก่อสร้างและการลงทุนทั้ง 3 ตึกนี้ประมาณ 6-7 พันล้านบาท

นอกจากที่ดินบนถนนสาธรแล้ว รัฐบาลสหรัฐยังมอบหมายให้โจนส์แลงฯ เป็นตัวแทนขายที่ดินขนาด 83 ไร่ ในเขตมีนบุรีอีกแปลงหนึ่งด้วย ซึ่งที่ดินแปลงนี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของศูนย์สื่อสารข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐในไทย มีพื้นที่ที่ดินติดกับหมู่บ้านปรีชา สุวินทวงศ์ มูลค่าประมาณ 300-350 ล้านบาท

ล่องลมให้ความเห็นกับภาวะการซื้อขายที่ดินแปลงใหญ่ และการขายอาคารยกตึกในกรุงเทพฯ ปัจจุบันว่า สภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทุกวันนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวมากมายนัก นักลงทุนยังมีช่องทางในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในย่านใจกลางเมือง เพราะปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น และต้องการที่ตั้งของสำนักงานแห่งใหม่ โดยเฉพาะบริษัททางด้านการเงิน บริษัทพวกนี้ต้องการซื้อตึก เพื่อเป็นอาคารสำนักงานของตัวเองทั้งตึก แต่หาซื้อไม่ได้ เพราะมีให้เลือกน้อยมาก เลยต้องหาซื้อที่ดินทำเองช้าหน่อย แต่ก็สามารถเป็นตัวโครงการที่พอใจ

สำหรับการขายยกตึกนั้น จะมีมากในย่านนอกตัวเมืองออกไป เช่น บนวิภาวดี ถนนรัชดาภิเษก หรือถนนบางนา-ตราด แต่ในย่านสีลม สาธร เพลินจิตนั้น จะไม่ค่อยมี เพราะผู้ที่มาลงทุนทำโครงการในย่านนี้ได้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีสายป่านทางการเงินที่ดี เลยไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการขายโครงการ

ขณะนี้ ทางโจนส์ แลงฯ มีโครงการที่เป็นอาคารสำนักงาน อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมอย่างละหนึ่งโครงการ ในย่านใจกลางเมืองที่กำลังเป็นตัวแทนขายทั้งตึก

"มีนักลงทุนเสนอโครงการเข้ามาให้เป็นตัวแทนขายประมาณ 6-7 โครงการ แต่เราพิจารณาแล้วว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถปล่อยขายได้ง่ายเพียง 3 โครงการ เลยรับไว้แค่นี้ก่อน"
และที่แน่ ๆ ในเดือนกันยายนเช่นกัน ที่โจนส์ แลงฯ จะได้รับเงินค่านายหน้าก้อนใหญ่ คิดง่าย ๆ ถ้า 3% ก็ฟันไป 69 ล้านบาทแล้ว หรือถ้าเพียง 1% ก็เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 23 ล้านบาท เสียอย่างเดียวเท่านั้น ที่งานนี้กรมที่ดินไม่มีส่วนได้เอี่ยวด้วย เพราะมีกฎหมายอยู่ข้อหนึ่งว่า การขายที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของสถานทูตนั้น ไม่ต้องจ่ายค่าภาษีให้กับทางรัฐบาลไทย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us