อมตะ คอร์ปอเรชัน เปิดช่องนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเพิ่มเป็น 49% จากเดิม 30% ตามคำเรียกร้องกองทุนต่างประเทศหลังไปโรดโชว์ เชื่อเป็นโอกาสดีดึงเม็ดเงินเข้าไทย ด้านบล.กิมเอ็ง คาดไตรมาส1/49รายได้ 1,174 ล้านบาท ชี้ปีนี้ยอดขายที่ดินพลาดเป้าที่ 2,000 ไร่ ทำได้เพียง 1,400 ไร่ พร้อมแนะขาย เหตุราคาหุ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน

นางวราภรณ์ วัชรานุเคราะห์ ผู้อำนวยการสายการเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการแก้ไขข้อบังคับเรื่องการขยายเพดานการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศจากเดิมไม่เกิน 30% เป็น 49% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศมีความสนใจเข้ามาลงทุนในบริษัทเพิ่มมากขึ้น

จากการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศช่วงที่ผ่านมา อาทิ เอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า นักลงทุนชาวต่างชาติให้ความสนใจหุ้นของบริษัทเป็นจำนวนมาก โดยมีกองทุนต่างประเทศหลายราย ได้เสนอให้บริษัทขยายเพดานสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาตินั้น บริษัทได้มีการพิจารณาให้เป็นไปตามเงื่อนไขการถือครองหุ้นในสัดส่วนแก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่สามารถถือครองหุ้นได้สูงสุดไม่เกิน 49% และถือได้ว่าเป็นการเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาตอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท เพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถดึงเม็ดเงินจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ให้เข้ามาหมุนเวียนภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมด้านการรองรับการลงทุนของนิคมอุตสาหกรรมไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้อีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสัดส่วนการเข้าถือครองหุ้นของชาวต่างชาติ ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย.49 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ถือหุ้นต่างชาติที่ถือหุ้น AMATA ผ่าน บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 17.10% และผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติอื่นอีก 14 สัญชาติจำนวน 29.81% และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับด้านการสอบบัญชี บริษัทได้ว่าจ้างบริษัทสำนักงานสอบบัญชีที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่าไตรมาส 1/49 AMATA จะมีรายได้รวม 1,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,031 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ เนื่องจากบริษัทจะมียอดขายที่ดิน 115 ไร่ ที่อมตะนคร และ 380 ไร่ ที่อมตะซิตี้ โดยมีการขายที่ดินให้กับ บริษัท Holly จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินจากประเทศจีนจำนวน 377 ไร่

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงไม่บันทึกรายได้จนกว่าไตรมาส 2/49 ทั้งนี้คาดว่าอมตะยังคงมี back log จำนวน 150 ไร่ จาก อมตะนคร และ 100 ไร่ จาก อมตะซิตี้ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท ดังนั้นเชื่อว่าในไตรมาส1/49 อมตะจะมีรายได้จากการที่ดินที่ 988 ล้านบาท จากปัจจัยทางการเมืองที่เกินขึ้นจะส่งผลให้บริษัทอมตะไม่สามารถขายที่ดินได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,000 ไร่ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะขายที่ดินในปีนี้ได้เพียง 1,400 ไร่ ในทั้ง 2 นิคม

สำหรับอมตะ มีการปล่อยเช่าโรงงานทั้งหมด 8 โรงงาน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 12 โรงงานภายในสิ้นปีนี้ โดยค่าเช่ามีอยู่เฉลี่ยต่อเดือนที่ 180 บาท/ ตารางเมตร เราคาดว่า AMATA จะมีรายได้จากการปล่อยเช่าที่ 30 ล้านบาท ในไตรมาส 1/49 และทั้งปีที่ 170 ล้านบาท เมื่อรวมการคาดรายได้จากสาธารณูปโภคอีก 156 ล้านบาท

ทางผู้บริหารอมตะคาดว่าจะไม่ทำการซื้อที่ดินอีกในปีนี้ เนื่องจากยอดที่ดินรวมพร้อมขายมีอยู่มากถึง 5,000 ไร่ ที่ อมตะนคร และ 2,500 ไร่ ที่ อมตะซิตี้ ซึ่งเพียงพอที่จะขายได้อีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า จึงคาดว่าหนี้สินต่อทุน ของ AMATA จะลดลงจาก 0.7เท่า ในปี 2548 เหลือ 0.6 เท่า ในปี 2549

"แม้ AMATA จะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงคำแนะนำเดิมคือให้ขายทำกำไร เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปสูงแล้ว โดยมี P/E ปี 2549 อยู่ที่ 20.1 เท่า มูลค่าตามบัญชีที่ 5.2 เท่า ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่าราคาเหมาะสมที่15 บาทต่อหุ้น อยู่ประมาณ 37%"ดังนั้นบล.กิมเอ็งแนะนำขายทำกำไร AMATA