Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 พฤษภาคม 2549
จัดสรรกว่าพันโครงการวุ่นใช้ทวิ39อาจเข้าข่ายผังใหม่             
 


   
search resources

อภิรักษ์ โกษะโยธิน
Real Estate




จับตาจัดสรรที่ลักไก่ใช้มาตรตราทวิ 39 กว่า 1,000 โครงการส่อเค้าวุ่น หลังผังเมืองกทม.ฉบับใหม่บังคับใช้ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ กทม.ชี้หากยังไม่ลงมือก่อสร้างต้องเข้ากฎหมายฯฉบับใหม่ทันที พร้อมปลอบจะพิจารณาเป็นรายโครงการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการและประชาชน ด้านเอกชนร้อง 5 ปัญหาใหญ่ FAR-OSR-โบนัสรอบรัศมีรถไฟฟ้า 500 เมตร-ชอปปิ้งเซ็นเตอร์และมาตรา 39 ทวิที่กทม.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา "แนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุง ครั้งที่ 2) ว่า ขณะนี้กทม.ได้จัดทำร่างผังเมืองรวมกทม. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 เรียบร้อยทุกขั้นตอนแล้ว และอยู่ในระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ โดยคาดว่าในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้จะสามารถลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ และเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 สิ้นสุดวันที่ 16 พฤษภาคม 2554

การจัดทำผังเมืองกทม.ฉบับดังกล่าวเดิมกำหนดในปี 2547 แต่เนื่องจากขั้นตอนการจัดทำล่าช้าทำให้เลื่อนมาประกาศใช้ในปีนี้แทน โดยการจัดทำผังเมืองดังกล่าวเพื่อมีกระบวนการที่ชัดเจนและเป็นระบบ หลักการสำคัญคือ ยึดประโยชน์สาธารณะ ซึ่งได้กำหนดลงบนแผนผังพร้อมมาตรการทางผังเมืองเพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการเจริญเติบโตของเมืองไปในทิศทางที่เหมาะสม ทำให้กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ควบคุมไปกับความเจริญเติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน โดยยังคงเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

"ที่ผ่านมามักมีการพูดกันว่า กทม.พัฒนาอย่างไร้ทิศทาง โดยเฉพาะที่กฎหมายผังเมืองฉบับปรับปรุง 1 ได้หมดอายุลงไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 และแม้ว่าจะมีกฎหมายผังเมืองบังคับใช้ในพื้นที่ กทม.แต่ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสำนักผังเมืองเท่านั้น ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน จากนี้ไป เขตและหน่วยงานของ กทม.ทุกแห่ง จะต้องไม่มองว่าเรื่องผังเมืองเป็นหน้าที่ของสำนักผังเมือง แต่เป็นเรื่องของทุก ๆ คนที่ข้าราชการเป็นตัวกลางที่จะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ" นายอภิรักษ์กล่าว

สำหรับผังเมืองฉบับใหม่มีข้อกำหนดให้พื้นที่เมืองเป็นพื้นที่หลวม ๆ ไม่แออัด และมีสีเขียว ส่วนผลกระทบการประกาศใช้ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น อาจจะมีผลกระทบทำให้ต้องปลูกสร้างไกลออกไป และอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้นเพราะต้องมีแนวร่นที่ต้องปล่อยไว้เป็นที่ว่าง

นายพิชัย ไชยพจน์พานิช รองปลัด กทม. กล่าวว่า ร่างผังเมืองใหม่ฉบับนี้มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้พื้นที่ระหว่างวงแหวนรัชดาภิเษก-วงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย หนาแน่นปานกลาง, กำหนดให้เขตบางบอน บางขุนเทียนเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่, วางมาตรการควบคุมความหนาแน่นในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น กำหนดที่ว่างโดยรอบจำกัดความสูง

นอกจากนี้ ยังมีแรงจูงใจด้วยการให้รางวัลกับผู้ประกอบการที่จัดให้มีที่จอดรถ หรือกำหนดพื้นที่ว่างมากขึ้น ก็จะได้รับการพิจารณาให้ก่อสร้างจำนวนชั้นของอาคารสูงมากขึ้น เท่ากับจะทำให้อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ที่ดินเพิ่มขึ้น และผังเมืองฉบับนี้ยังได้กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเผื่อไว้ในปี 2561 หรืออีก 12 ปีข้างหน้า ที่คาดการว่าประชากรใน กทม.จะมี 12.5 ล้านคน เนื่องจากได้กำหนดความหนาแน่นของอาคารตามพื้นที่ รักษาพื้นที่โล่ง เพิ่มพื้นที่สีเขียว

ด้านรศ.มานพ พงศทัต อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเคหะการ และในฐานนักนักผังเมืองภาคประชาชน กล่าวว่า การประกาศใช้ผังเมืองฉบับใหม่ดังกล่าวยังมีข้อโต้แย้งจากภาคเอกชนใน 5 ประเด็นสำคัญได้แก่

1.อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน หรือ FAR ซึ่งบางจุดได้กำหนดให้น้อยลงเพื่อคุณภาพชีวิตและความกว้างของถนน

2.อัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม หรือ OSR โดยบางพื้นที่ถูกบังคับให้มีพื้นที่เปิดโลงสูงถึง 30-40% รวมไปถึงระยะถอยร่นหากเป็นอาคารพาณิชย์ต้องถอยล่น 30 เมตร ที่อยู่อาศัย 20 เมตร จากเดิมเพียง 10 เมตรเท่านั้น

3.การให้โบนัส ในพื้นที่พัฒนารัศมี 500 เมตรจากเส้นทางรถไฟฟ้า ว่าควรจะให้เท่าใด เพราะไม่เคยมีใช้ในเมืองไทยมาก่อน

4.เขตชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ที่ทางสมาคมผู้ค้าปลีกเรียงร้องถึงเขตการอนุญาตก่อสร้างหรือพัฒนา

5. ผู้ประกอบการที่ขออนุญาตก่อสร้างโดยใช้มาตรา 39 ทวิ ตามกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งจะใช้วิธีก่อสร้างไปก่อนที่จะขออนุญาตจัดสรร ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1,000 โครงการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะประสบความยุ่งยากหรือมีปัญหามากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกหลังการประกาศใช้ผังเมืองฉบับใหม่ เพราะกลุ่มนี้จะต้องใช้กฎหมายผังเมือง กทม.ฉบับใหม่

ด้านนางสาวเดือนเต็ม อมรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวชี้แจงว่า จัดสรรที่ใช้มาตรา 39 ทวิจะต้องใช้กฎหมายผังเมืองกทม.ฉบับใหม่ แต่มีข้อยกเว้น คือ ในกรณีที่ลงมือก่อสร้างไปแล้ว กรณีได้รับอนุญาตก่อสร้างจากหน่วยงานอื่นแล้ว อาทิ โรงงาน โรงพยาบาล ฯลฯ ก็ให้ดำเนินการก่อสร้างได้เลย ส่วนโครงการที่ขอใช้มาตรา 39 ทวิ แล้วยังไม่ลงมือก่อสร้างจะต้องเข้าข่ายกฎหมายฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามทางสำนักผังเมืองจะพิจารณาไปรายโครงการไป เพื่อไม่เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us