|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
มั่นคงเคหะการฯชี้ยอดขายบ้านไตรมาสแรกแรงยังไม่ตก คาดไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท พร้อมลุยต่อโครงการชวนชื่นรีเจ้นท์ฯเฟส 2 หลังเฟสแรกยอดจองกว่า 60% ยันตลาด 8-12 ล้านบาทยังไปได้หากทำเลและคุณภาพโครงการดี ทำใจช่วงไตรมาส 2 ยอดขายอาจพลาดเป้าหลังเจอมรสุมการเมือง น้ำมัน ดอกเบี้ย แถมอยู่ในช่วงนอกฤดูขาย
นายธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) เปิดเผยว่าเดิมที่คาดยอดขายในไตรมาสแรกของปี 49 จะลดลง แต่ปรากฎยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยในไตรมาสแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 600 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 160 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 3.7 ล้านบาท ซึ่งยอดขายมาจากโครงการชวนชื่นรีเจ้นท์-ราชพฤกษ์ และชวนชื่นศรีนครินทร์ โดยยอดขายที่บริษัทฯทำได้ในช่วง3เดือนแรกคิดเป็น 20% ของเป้ายอดขายเดิมทั้งปีที่ 3,000 ล้านบาท ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายการขายหรือไม่ คงต้องรอประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 2 จะมีทิศทางอย่างไรบ้าง ขณะที่เป้ายอดรับรู้รายได้ทั้งปีตั้งไว้ประมาณ 2,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการชวนชื่นรีเจ้นท์-ราชพฤกษ์ ถือเป็นโครงการที่บริษัทเริ่มเข้ามาทำตลาดในกลุ่มลูกค้าAถึงA+ หรือมีรายได้ต่อครอบครัวกว่า 1.5 แสนบาทต่อเดือน โดยบริษัทได้เปิดการขายในเฟสแรกบนเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ จำนวน 41 ยูนิต เนื้อที่ตั้งแต่ 100 ตารางวา ราคาบ้านพร้อมที่ดินตั้งแต่ 8-12 ล้านบาท แต่ราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8.57 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 350 ล้านบาท และหลังเปิดการขายไปเมื่อปลายปี 48 ปรากฎว่าได้การตอบรับจากลูกค้าด้วยดี มียอดจองกว่า 60% ส่วนใหญ่เกือบ 80% จะเป็นนักธุรกิจในพื้นที่ รวมถึงหมอที่ทำงานในโรงพยาบาลศิริราช โดยบ้านในแบบ Pasadena Style บ้านหรูพื้นที่ใช้สอย 364 ตร.ม.ราคาขาย 12 ล้านบาทขายได้ 4-5 ยูนิต
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดโครงการชวนชื่นรีเจ้นท์ฯเฟส 2 ภายในไตรมาส 3 จำนวนประมาณ 40 ยูนิต กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและราคาขายจะใกล้เคียงกับเฟสแรก อีกทั้งเพื่อให้การพัฒนาโครงการดังกล่าวสมบูรณ์มากขึ้น บริษัทได้เจรจาซื้อที่ดินติดกับโครงการเพิ่มอีก 30 ไร่ ซึ่งรวมแล้วทั้งโครงการคาดว่าจะผลิตบ้านออกสู่ตลาดได้ 150 ยูนิต อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมา โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทมั่นคงฯจะเน้นทำตลาดระดับราคาขาย 3-5 ล้านบาท
" การแข่งขันในโซนดังกล่าว แยกจำแนกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเส้นถนนสาทรถึงเส้นพระบรมราชชนนี ส่วนนี้ถูกกำหนดต้องสร้างบ้านขนาดใหญ่ ราคาขายไล่ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียว มีบริษัทอสังหาฯพัฒนาโครงการประมาณ 5-6 โครงการซึ่งรวมของบริษัทมั่นคง และช่วงที่เลยถนนพระบรมราชชนนีไปถึงเส้นพระราม 5 การแข่งขันรุนแรงมาก ไม่ติดข้อจำกัดเรื่องผังสี ตลาดส่วนใหญ่จะพัฒนาบ้านขาย 4-6 ล้านบาท"นายธัญญากล่าวและว่า
ในส่วนของยอดขายในไตรมาส 2 คงจะชะลอตัวลง เนื่องจากไม่ใช่ฤดูการขาย ประกอบกับได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น แต่คาดจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 400-500 ล้านบาท และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย บริษัทได้จัดโปรโมชันในเรื่องค่าโอน ค่าจดจำนองสำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นสุด 30 พ.ค.
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่นั้น นางธัญญากล่าวยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามแผนที่ตั้งไว้ เพื่อชดเชยโครงการเดิมที่คาดว่าจะปิดการขายในปีนี้ ได้แก่ โครงการเรสซิเดนซ์ ปาร์ค 1-3 ชวนชื่นซิตี้ ,โครงการอรีนา ปาร์ค ชวนชื่นซิตี้ ที่แบ่งแปลงขายขนาด 100-200 ตร.วา จำนวน 20 แปลง มูลค่าขาย 70 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อแปลง 3.5 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการใหม่จะมีเช่น โครงการเรสซิเดนซ์ ปาร์ค 5 ชวนชื่นซิตี้ เนื้อที่ 5 ไร่ จำนวน 32 ยูนิต , โครงการสิริเพลส สุวรรณภูมิ รูปแบบคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทการบินไทย เพื่อสนับสนุนให้แก่พนักงานการบินไทย ,โครงการสิรินเฮาส์บางนาเฟส 2 เป็นส่วนขายที่ดินเปล่าขนาด 50-60 ตร.วา หรือเฉลี่ยต่อไร่ 9 แสนบาท โดยเป็นการทดแทนโครงการชวนชื่นบางนา-ตราด ที่ขายที่ดินเปล่าขนาด 100 ตร.วา
|
|
 |
|
|