Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2539
หุ้น C เรื่องน่าช้ำใจ ของนักลงทุนหรือเจ้าของบริษัท ?             
 

   
related stories

ภัทราเซรามิคความเจ็บปวดของภัทรประสิทธิ์
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์พี่ใหญ่ผู้พิสมัยการเมือง

   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Financing




นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย ได้เริ่มนำเกณฑ์การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่มาใช้ในทางปฏิบัติเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2539 จนถึงปัจจุบันปรากฎว่า มีหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 15 บริษัท ได้เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนแล้ว

โดยบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหุ้นสามัญออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยส่วนใหญ่มีผลขาดทุนสุทธิ 3 ใน 4 ปีสุดท้ายหรือมากกว่านั้น แม้บางบริษัทจะมีผลการดำเนินงานขาดทุนไม่ถึง 3 ปี แต่ก็มีผลขาดทุนสุทธิในจำนวนที่มีนัยสำคัญจนไม่อาจดำรงอยู่ได้ อีกทั้งบริษัทเหล่านี้จำนวนกว่าครึ่งมีสัดส่วนสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิเทียบกับชำระแล้วต่ำกว่า 50% และเมื่อพิจารณาผลการขาดทุนสะสม พบว่า ทั้ง 15 บริษัทมีผลขาดทุนสะสมสูงกว่าจำนวนสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ ก็จะถูกแขวน C ทันที

กฎเหล็ก 5 ข้อ
ที่อาจถูกแขวนป้าย C

ถ้าจะแบ่งถึงปัญหาหลัก ๆ ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหุ้นสามัญดังกล่าวนั้น ได้มีการสรุปถึงปัญหาหลัก ๆ ไว้ทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน คือ

ประการที่หนึ่ง ด้านบริหารการเงินโดยบริษัทเหล่านี้มักจะมีปัญหาการก่อหนี้สูง และในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในช่วงปี 2537-2538 ที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยสูงมากขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่บางบริษัทมีจำนวนหนี้สินหมุนเวียนมากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน มีผลให้บริษัทขาดเงินทุนหมุนเวียนหรือสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินงาน ส่งผลต่อนเองให้ผลการดำเนินงานของบริษัทตกต่ำลง

ประการต่อมา ด้านการลงทุนที่มีหลายบริษัทประสบกับภาวะขาดทุน จากการนำเงินไปลงทุนในบริษัทย่อยเป็นจำนวนมาก ชี้ให้เห็นถึงการตัดสินใจลงทุนที่ขาดความรอบคอบ และระมัดระวัง จึงก่อให้เกิดปัญหาขึ้นตามมา

ประการที่สาม ด้านการผลิตบริษัทที่อาจเข้าข่ายถูกเพิกถอน จากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ประสบปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงงานที่สูงขึ้น ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันได้ในธุรกิจประเภทเดียวกัน

สำหรับประการที่สี่ คือ ปัญหาด้านการตลาดบางบริษัทประสบปัญหาทางด้านภาวะธุรกิจไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับการที่มีผู้แข่งขันจำนวนมากราย หรือปัญหาตลาดส่งออกทำให้บริษัทไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้บ้าง ก็ประสบปัญหาผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด ทำให้ขายไม่ออกและมีสินค้าคงคลังเป็นจำนวนมาก

และประการสุดท้าย คือ ปัญหาด้านการบริหาร-การดำเนินงาน บริษัทดังกล่าวบางรายประสบปัญหาเกี่ยวกับการบริหารภายใน เช่น ขาดผู้บริหารในบางช่วงเวลาทำให้การบริหารงานไม่ต่อเนื่องขาดทิศทางที่ชัดเจน หรือไม่ก็ประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารงานที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

เมื่อพิจารณาถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้หลายบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่แล้ว จะเห็นว่ามีทั้งปัจจัยภายนอกบริษัท เช่น ภาวะธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ต้นทุนวัตถุดิบ และแรงงานที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทประกอบกับปัจจัยภายในบริษัทเอง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการบริหารการเงิน การลงทุนการผลิต การตลาด และการดำเนินงานที่ด้อยประสิทธิภาพ และดูเหมือนว่าปัญหาที่สำคัญจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายในเสียเป็นส่วนใหญ่

สำหรับหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ทั้ง 15 รายดังกล่าว ได้ทำการขึ้นเครื่องหมาย H (TRADING HALT) ในการซื้อขายหุ้นแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที เพื่อแจ้งให้นักลงทุนทราบ และได้แจ้งการเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หลักทรัพย์ไปยังบริษัทจดทะเบียนทั้ง 15 ราย จากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย NP (NOTICE PENDING) ไว้จนถึงปัจจุบัน และขึ้นเครื่องหมาย (COMPLIANCE) ตามลำดับเพื่อให้ทราบถึงสถานภาพของบริษัทจดทะเบียน

เนื่องจากอยู่ในช่วงของการรอการส่งหนังสือชี้แจง และแผนการดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาแผนการดำเนินงาน ซึ่งได้มีการทยอยส่งกันมาบ้างแล้ว

ในขณะที่หลายบริษัทขอผ่อนผันระยะเวลาในการส่งแผนดำเนินการตามกำหนดการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไป ในจำนวนนี้บริษัทหนึ่งได้แจ้งต่อทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มีความประสงค์จะขอเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนโดยสมัครใจ คือ บริษัทเอเชี่ยนฟูดแวร์ ซึ่งก็จะต้องดำเนินการประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่ง หากไม่มีผู้ถือหุ้นแสดงความเห็นขัดแย้งเกินกว่า 10% ก็จะดำเนินการเพื่อให้มีการเพิกถอนต่อไป โดยจะต้องมีการจัดตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายบริษัทจดทะเบียนในและฝ่ายนักลงทุนรายย่อย เพื่อร่วมกันกำหนดราคารับซื้อคืนหลักทรัพย์จากนักลงทุนรายย่อย ที่ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะบเยนดังกล่าว ก่อนถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us