|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปูนใหญ่ประกาศขอเป็นผู้นำอาเซียน รับมือการแข่งขันไร้พรมแดน ชูนวัตกรรมใหม่ การวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การบริหารจัดการ หัวใจหลักสู้นักธุรกิจข้ามชาติ เตรียมขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท เผยยอดขายไตรมาสแรกโต 12% แต่กำไรลด 5%
การแข่งขันในปัจจุบันไม่ได้อยู่แค่ที่การแข่งขันในประเทศ หรือผู้ผลิตจากในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีคู่แข่งจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศด้วย โดยเฉพาะในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้การแข่งขันไม่ได้มีวงจำกัดอยู่แค่ในประเทศ หรือผู้ผลิตในประเทศเท่านั้น แต่การแข่งขันต้องแข่งกับผู้ผลิตจากต่างประเทศ ทั้งที่มาลงทุนในไทย และการขยายฐานเข้ามาทำตลาดในประเทศด้วย
สำหรับผู้ผลิตในประเทศอย่างเครือปูนซิเมนต์ มีการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนไว้เรียบร้อยแล้วในช่วงหลายปีก่อน เพราะมองว่านับวันการแข่งขันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ
กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าเป้าหมายของเครือปูนฯไม่ได้อยู่แค่การสร้างยอดขายและผลกำไรเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งด้วย โดยเฉพาะในอาเซียน ที่บริษัทมีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะสามารถสู้กับคู่แข่งได้ และจะก้าวเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
“หัวใจสำคัญในการเป็นผู้นำ คือการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมใหม่ วิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การจัดส่ง สินค้า และการบริหารจัดการมากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพสร้างคุณค่าสินค้า ลดต้นทุน และให้บริการแก่ลูกค้าให้มากขึ้น รวมถึงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามราคา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ผลิตทุกราย”
ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนในเรื่องนวัตกรรมใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับการแข่งขันในอนาคต ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีนวัตกรรม การลดต้นทุน การลดความสูญเสียในการผลิตและจัดส่ง การพัฒนาระบบขนส่ง หรือโลจิกติกส์ที่มีความสำคัญมาก และเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะสู้กับคู่แข่งได้เต็มที่
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทมีแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยอาจจะขยายการลงทุนไปยังอาเซียน ซึ่งในประเทศได้ลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากที่ปีนี้ได้ลงทุนไปแล้ว 5,000 - 6,000 ล้านบาท แม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในประเทศจะลดลงก็ตาม เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศที่จะเติบโตในอนาคต
“แนวโน้มของทั้งปี เชื่อว่าน่าจะยังเติบโตได้ ตราบใดที่ตัวเลขจีดีพียังอยู่ที่ระดับ 4-5% แม้ว่าตัวเลขไตรมาสแรกปีนี้ตัวเลขติดลบ 2-3 % ก็ตาม ขณะที่ปกติแล้วตัวเลขไตรมาสแรกเครือปูนฯจะเพิ่มขึ้น ผลจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่รุมเร้าและปูนซิเมนต์ยอดขายลดลง และเดือนเมษายนนี้ก็ยังเรื่อย ๆ อยู่ และโดยรวมตัวเลขกำไรตัวเลขจากการดำเนินงานปกติน่าจะไม่ต่างจากปีก่อน ” กานต์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มราคาปูนซีเมนต์ในประเทศ บริษัทจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นถึง 50% หรือคิดเป็น 10-20% ของราคาขายก็ตาม และคาดว่าปีนี้จะไม่มีการปรับราคา หรือปรับเพิ่มเล็กน้อย ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์ของไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียนโดยอยู่ในระดับประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งมีถ่านหินเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตเองในประเทศ ยังมีราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์สูงถึงประมาณ 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ราคาปูนซีเมนต์ในประเทศจะขึ้นกับกลไกการแข่งขันในประเทศเป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิต 7 รายมีกำลังการผลิตเหลือ ดังนั้นราคาปูนอาจจะปรับขึ้นบ้างหรือไม่ปรับเลยก็เป็นไปได้ แม้ต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์จะเพิ่มขึ้นไปแล้วถึง 50% หรือคิดเป็นผลกระทบต่อราคา 10 – 20% แล้วก็ตาม ซึ่งได้แจ้งให้กับกระทรวงพาณิชย์ทราบมาโดยตลอด แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับเพิ่มราคาขายปลีก
โดยปีนี้บริษัทจะส่งออกปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่ส่งออกประมาณ 6 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตันในปีนี้ โดยไตรมาสแรกได้ส่งออกปูนซิเมนต์กว่า 1 ล้านตัน ซึ่งาความต้องการของตลาดต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณการความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับ 10.1 ล้านตัน เพิ่มเล็กน้อยจากปีที่แล้วหรือประมาณ 18 ล้านตัน
ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2549 มียอดขายรวม 64,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และมีกำไรสุทธิ 9,546 ล้านบาท ลดลงราว 5% หากเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น และการนำผลประกอบการของบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) มาจัดทำงบการเงินรวม
โดยปีนี้ SCC จะส่งออกปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นจากปี 48 ที่ตัวเลขส่งออกประมาณ 6 ล้านตัน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 7.5 ล้านตัน โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทได้ส่งออกปูนไปแล้วกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งพบว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณการความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับ 10.1 ล้านตัน เพิ่มเล็กน้อยจากปีที่แล้วหรือประมาณ 18 ล้านตันที่ บริษัทจะผลิตปูนซิเมนต์ แต่ก็ต้องดูปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อต่อการส่งออกด้วย
|
|
|
|
|