วีนิไทย กำไรไตรมาสแรกทรุดหนัก ลดลงเหลือแค่ 102 ล้านบาท จากปีก่อนกำไรสุทธิกว่า 420 ล้านบาท ลดลง 317 ล้านบาท หรือกว่า 75% หลังยอดขายหายไปกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงโรงงานทำให้ปริมาณการส่งออกลด
นายกุนเธอร์ วิลแฮล์ม นาโดนี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT กล่าวถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 102.94 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 420.32 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.44 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 317.38 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 75.51%
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรวมสำหรับไตรมาส 1 ปี 2549 เท่ากับ 1,835 ล้านบาท ลดลง 528 ล้านบาท หรือ 22.3% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายรวม 2,363 ล้านบาทของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักของการลดลงนี้เกิดจากปริมาณขายส่งออกของพีวีซีที่ลดลงจากการลดปริมาณการผลิตลง สืบเนื่องจากโรงงานหยุดซ่อมบำรุง รวมทั้งมีการประกอบและต่อเติมอุปกรณ์ของโครงการส่วนขยายการผลิตรวมเป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ บวกกับราคาขายโดยเฉลี่ยของพีวีซีลดลงตามราคาตลาดโลก ขณะที่ยอดขายโซดาไฟลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนประมาณ 23 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของราคาขายเฉลี่ยประมาณ 10.1% แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่ม 3.9%
ด้านต้นทุนขายลดลงเหลือ 1,553 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1,733 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 10.4% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่ลดลง อย่างไรก็ตามราคาเอธิลีน ราคาเกลือ ราคาไฟรวมทั้งค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรขั้นต้นเท่ากับ 282 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 630 ล้านบาท หรือลดลง 55.1% เนื่องจากปริมาณการส่งออกของพีวีซี และราคาขายเฉลี่ยของพีวีซีและโซดาไฟลดลง
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 145 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 185 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 21.3% โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งที่ลดต่ำลงเนื่องจากปริมาณการส่งออกพีวีซีที่ลดลง รวมทั้งบริษัทได้บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 54 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 33 ล้านบาท
นอกจากนี้ ดอกเบี้ยจ่ายของไตรมาส 1 ปี 2549 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 16 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 35 ล้านบาทของไตรมาส 1 ปี 2548 หรือลดลง 53.3% เป็นผลมาจากการที่บริษัทจ่ายชำระหนี้หุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทจะชำระคืนหุ้นกู้คงค้างได้ทั้งหมดตามกำหนดภายในเดือนสิงหาคม 2549
ด้านฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 14,558 ล้านบาท เทียบกับสิ้นปี 2548 (31 ธันวาคม 48) ที่มีสินทรัพย์รวม 15,435 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 878 ล้านบาท หนี้สินรวม 2,042 ล้านบาท ลดลงประมาณ 978 ล้านบาท จากสิ้นปีหนี้สินรวมอยู่ที่ 3,020 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น 12,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12,415 ล้านบาท ณ สิ้นปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท
|