ผู้บริหาร "ปิคนิคฯ" แจงอยู่ระหว่างการเจรจาชำระหนี้มูลค่าเกือบ 430 ล้านบาท หลังจากโดนแบงก์ซูมิโตโมฯ ฟ้องคดีแพ่ง คาดบรรลุข้อตกลงภายในเดือนมิ.ย. 49 นี้ ด้านโบรกเกอร์ ประเมินสำเร็จยาก เหตุผู้ถือหุ้นเดิมเมินจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,477 ล้านหุ้น เนื่องจากราคาขายที่หุ้นละ 1 บาท สูงกว่าราคาบนกระดาน พร้อมแนะให้หลีกเลี่ยงการลงทุน กรอบแนวรับ-แนวต้านอยู่ที่ 0.60-0.77 บาท
นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI เปิดเผยถึง กรณีที่ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น สาขากรุงเทพ ได้ยื่นฟ้องร้องคดีแพ่งให้บริษัทชำระหนี้จำนวน 429,018,665.36 บาท ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นธุรกรรมปกติของบริษัท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองเพื่อชำระหนี้ให้แก่ธนาคาร และภาระหนี้ดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาภาระหนี้ดังกล่าวนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งอาจมีการเสนอขายหุ้นให้บุคคลในวงจำกัด หรือผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน โดยคาดว่าการเจรจาชำระหนี้กับธนาคารจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2549 นี้ ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าและได้ข้อสรุปที่ชัดเจนบริษัทจะรายงานความคืบหน้าต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 2,975,676,673 บาท เป็น 4,453,349,970 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,477,673,297 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 1,477,673,297 บาท เพื่อจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท
โดยวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนมี 3 ประการหลัก คือ การขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและวิศวกรรมหรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือบริษัทมหาชนที่ไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือลงทุนในบริษัทจำกัดประมาณ 500 ล้านบาท ประการที่ 2 ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ประมาณ 500 ล้านบาท และประการสุดท้าย ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 477 ล้านบาท
ด้านผู้บริหารบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถสรุปผลการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้อย่างเป็นทางการ หลังจากเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อและชำระค่าหุ้นในช่วงวันที่ 24 - 28 เมษายนที่ผ่านมา แต่ในเบื้องต้นประเมินว่าผู้ถือหุ้นเดิมอาจจองซื้อหุ้นไม่ครบตามสัดส่วนที่จัดสรรทั้งหมด
"บริษัทไม่แน่ใจว่าจะมีผู้ถือหุ้นเดิมขอใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 35% หรือไม่ ซึ่ง PICNI จะนำเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้ตั๋ว B/E แต่บริษัทก็ได้เตรียมแผนสำรองด้วยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) หากจัดสรรหุ้นไม่หมด แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะขายให้กับกลุ่มใด ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ภายในช่วงปลายสัปดาห์นี้"
ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นเดิมส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว เนื่องจากราคาเสนอขายที่หุ้นละ 1 บาท สูงกว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ประมาณหุ้นละ 0.66 บาท ดังนั้นหากต้องการเข้าไปลงทุนก็จะเข้าไปซื้อในกระดานหลักทรัพย์ ซึ่งจะได้ราคาต่ำกว่า
ด้านนักวิเคราะห์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ไม่แน่ใจว่าการเจรจาชำระหนี้ของ PICNI จะเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมาแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน หรือการชำระหนี้ของบริษัทยังมีอีกหลายประเด็นที่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในหุ้น PICNI จะต้องพิจารณาถึงผลประกอบการของบริษัทเป็นหลักในการตัดสินใจลงทุน
"ขณะนี้ราคาหุ้น PICNI ยังคงทรงตัวและมีโอกาสปรับลดลงได้ เนื่องจากเป็นไปตามสัญญาณทางเทคนิค ดังนั้นจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน โดยให้แนวรับไว้ที่ 0.63 บาท ให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 0.60 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 0.70 บาท และให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 0.77 บาท"
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (3 พ.ค.) มีการซื้อขายอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่างหุ้นละ 0.65 - 0.67 บาท ขณะที่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 0.65 บาท ลดลงจากราคาปิดครั้งก่อน 0.01 บาท หรือ 1.52% มูลค่าการซื้อขายรวม 24.02 ล้านบาท
|