ชื่อของ 'ไพศาล พืชมงคล' ปรากฎอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกวัน เมื่อเขาเล่นบท
"ตัวกลาง" เจรจาในสงครามโทรศัพท์ระบบพีเอชเอส หรือ PERSONAL HANDY
PHONE SYSTEM ที่บอร์ด ทศท. อนุมัติให้ทีเอ และทีทีแอนด์ทีเป็นผู้ให้บริการ
เรื่องนี้ทำเอาชินวัตรถึงกับนั่งไม่ติด ต้องยื่นเรื่องขอตั้งอนุญาโตตุลาการให้ระงับการอนุมัติในครั้งนี้
หลังจากยื่นข้อเสนอ 12 ข้อ อาทิ ขอยืดอายุสัมปทาน ลดส่วนแบ่งรายได้ เพื่อขอแลกกับการเปิดเสรีมือถือมาแล้ว
แต่ไม่ได้การตอบสนองจากบอร์ด ทศท.
แม้ว่าบอร์ด ทศท. ภายใต้การนำของ ไพศาล พืชมงคล จะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายอนุมัติพีเอชเอสให้กับทีเอ
โดยระบุว่า เป็นบริการเสริมจากโทรศัพท์พื้นฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาคุ้มครองที่ทำไว้กับเอไอเอส
แต่ในทางเทคนิคและทางปฏิบัติแล้ว พีเอชเอสไม่ได้แตกต่างไปจากโทรศัพท์มือถือเท่าใดนัก
เว้นแต่ข้อจำกัดในเรื่องการเคลื่อนที่จะต้องไม่เร็วเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และเทคนิคบางประการเท่านั้น
ระบบพีเอชเอสนั้นถูกพัฒนาขึ้นและใช้งานอยู่ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทนิปปอน
เทเลโฟน แอนด์ เทเลกราฟ หรือเอ็นทีที ซึ่งได้เริ่มเปิดใช้บริการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ใน 2 จังหวัดใหญ่ ๆ ก่อนขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ
การใช้งานในญี่ปุ่นค่อนข้างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นระบบที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับลักษณะของภูมิประเทศ
และการใช้งานในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ แต่เอ็นทีทีก็พยายามเผยแพร่ระบบพีเอชเอสไปตามประเทศต่าง
ๆ ในย่านเอเชียแปซิฟิก
คุณสมบัติของโทรศัพท์ระบบพีเอชเอส สามารถใช้ภายในบ้านได้เหมือนกับโทรศัพท์ไร้สาย
แต่สามารถพกพาไปใช้ภายนอกได้เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดจะต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน
30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่โทรศัพท์มือถือใช้เคลื่อนที่ได้ไม่ต่ำกว่า
80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ระบบพีเอชเอจะต้องใช้คลื่นความถี่ในการรับส่งสัญญาณเช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งระบบพีเอชเอสจะต้องใช้ความถี่ย่าน 1900 เมกะเฮิรตซ์ ในขณะที่โทรศัพท์มือถือจะใช้คลื่นความถี่ย่าน
900, 1800 และ 1500 เมกะเฮิรตซ์
ในแง่ของผู้ให้บริการจะต้องลงทุนติดตั้งเครือข่ายเช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ
คือ จะต้องติดตั้งสถานีฐาน (CELL STATION) ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงสัญญาณ
ให้ผู้ใช้สามารถพกพาเครื่องไปใช้นอกสถานที่
ส่วนต่างชุมสายของสองระบบนี้ จะแตกต่างกัน ระบบพีเอชเอสจะใช้โครงข่ายของโทรศัพท์พื้นฐาน
ในขณะที่โทรศัพท์มือถือจะต้องติดตั้งชุมสายเซลลูลาร์ แต่บางกระแสก็ระบุว่า
พีเอชเอสจะต้องติดตั้งโครงข่ายแยกต่างหากเช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ
ตัวเครื่องลูกข่ายของพีเอชเอสจะเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ แต่มีขนาดเล็กกว่า
ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตออกมาจำหน่ายในญี่ปุ่นแล้วหลายยี่ห้อ
สำหรับอัตราค่าบริการจะจัดเก็บในลักษณะเดียวกับโทรศัพท์มือถือแต่ถูกกว่า
คือ จะคิดค่าบริการรายเดือน ๆ ละ 200 บาท ส่วนค่าโทรจะคิดเป็นนาที (แอร์ไทม์)
2 นาทีแรก 3 บาท นาทีต่อไปนาทีละ 1.50 บาท
หากพิจารณาเทคนิครวม ๆ แล้วพีเอชเอสไม่ได้แตกต่างไปจากโทรมือถือเท่าใดนัก
แม้ว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องเทคนิค แต่ด้วยค่าบริการที่ถูกกว่า ค่าเครื่องลูกข่ายไม่ถึงหมื่น
ย่อมทำให้พีเอชเอสกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญโทรศัพท์มือถือได้ไม่ยากเย็น
การพยายามเปิดบริการพีเอชเอสของทีเอนั้น นอกจากเป็นการเลียบเคียงเข้าสู่ธุรกิจโทรมือถือแล้ว
ยังเป็นการกระตุ้นรายได้ให้กับโครงการโทรศัพท์ 2.6 ล้านเลขหมาย
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปริมาณความต้องการของลูกค้าไม่ได้มีมากตามที่ประเมินไว้
ทีเอมีเลขหมายติดตั้งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้ามาจองเป็นจำนวนมาก
ลูกค้าที่จะใช้บริการพีเอชเอสนั้น จะต้องยื่นขอโทรศัพท์ก่อน เพราะเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานจะเป็นเลขหมายเดียวกับพีเอชเอส
ดังนั้นการให้บริการพีเอชเอสจะกระตุ้นความต้องการโทรศัพท์พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเลขหมาย
หรือปริมาณในการโทร
แต่การลงทุนระบบพีเอชเอสจะให้ผลคุ้มค่าจริงหรือไม่ยังเป็นเรื่องต้องจับตา
เพราะหากจะให้บริการมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่ ทีเอจะต้องติดตั้งสถานีฐาน
(CELL STATION) เป็นจำนวนมากเนื่องจากสถานีฐานของพีเอชเอสมีความแรงสัญญาณ
100 เมตรเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น บริการพีเอชเอสยังมีปัญหาว่าจะใช้เลขหมายเดียวกับโทรศัพท์พื้นฐานได้หรือไม่ยังไม่มีสรุป
ซึ่งหากใช้เลขหมายเดียวกันไม่ได้ความสะดวกของผู้ใช้จะลดลง และเท่ากับว่าบริการพีเอชเอสจะกลายเป็นโทรศัพท์ระบบใหม่
ไม่ใช่บริการเสริมของโทรศัพท์พื้นฐานอย่างที่กล่าวอ้าง
ในเรื่องของระบบที่จะนำมาใช้ ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะเลือกใช้ระบบใดระหว่างพีเอชเอสของญี่ปุ่น
หรือ DECT ของยุโรป หรือ PACS ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งสามระบบนี้มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การยื่นขอให้บริการพีเอชเอสของทีเออาจต้องการหวังผลในเรื่องของส่วนต่างราคาหุ้นของทีเอเท่านั้น
หรือเพื่อต้องการครอบครองคลื่นความถี่ 1900 เมกะเฮิรตซ์ไว้ในมือ ซึ่งเป็นทรัพยากรหายาก
และมีอยู่จำกัดจนกลายเป็นปัญหาอยู่ในทุกวันนี้
คนไทยจะได้ใช้บริการพีเอชเอสหรือไม่ และเมื่อใดก็คงต้องรอดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ ๆ ผลของสงครามครั้งนี้ก็พิสูจน์ฝีมือ "ล็อบบี้ยิสต์"
อย่างไพศาลได้ดีที่สุด !