|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มี การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจประจำเดือนมีนาคม 2549 ออกมา ก็เริ่มมีการพูดถึงตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส แรกของปี...โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยนำร่องประเมินตัวเลข GDP ในไตรมาสแรก ปี 2549 ที่จะประกาศในต้นเดือนมิถุนายนว่า อาจจะขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2548
ทั้งนี้ จากเครื่องชี้เศรษฐกิจเบื้องต้นของธนาคารแห่งประเทศไทยบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยน่าที่จะมีอัตราการขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2549 นี้ สูงกว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขในด้านการผลิต ไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม เกษตร และบริการ-ท่องเที่ยว ล้วนมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าในไตรมาสก่อนหน้าทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า ซึ่งถูกกระทบจากผลกระทบเหตุการณ์ธรณีพิบัติในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ และภาวภัยแล้ง ในขณะที่ภาวะการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะ การลงทุนกลับมีทิศทางที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยลบต่างๆที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
นอกจากนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส แรกดังกล่าวยังได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของการส่งออกและฐานะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยในช่วงไตรมาสแรก ปี 2549 การส่งออกขยายตัวสูงร้อยละ 17.9 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพียงร้อยละ 5.4 ประกอบกับการเกินดุลในภาคบริการ รายได้และเงินโอน ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมูลค่า 1.66 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่าเกินดุลรายไตรมาสที่สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส และเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า ที่มีการขาดดุลมูลค่าถึง 1.41 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2549 จะขยายตัวในอัตราที่สูง แต่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย อาจจะชะลอลงในไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ปัจจัยกดดันต่อการ บริโภคภายในประเทศ คือราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารพาณิชย์ อาจจะขึ้นไปสู่ระดับสูงสุด ในขณะที่การส่งออกเองก็อาจจะชะลอตัวลง เนื่องจากต้อง เทียบกับฐานที่สูงในไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า
ส่งออก-การบริโภคภาคเอกชนยังเป็นตัวแปรสำคัญ
ทั้งนี้ ตัวแปรเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ของเดือนมีนาคม 2549 โดยสรุปจะเป็นด้านการส่งออกในเดือนมีนาคม 2549 ที่มีมูลค่าสูงสุด เป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้าในเดือนมีนาคม 2549 ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากร้อยละ 15.3 ในเดือนกุมภาพันธ์
ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขยายตัวดีขึ้นในเดือนมีนาคม 2549 แม้ว่าภาวะการบริโภคยังเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผล ของการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำของปีก่อน โดยรายการหลักๆ ของดัชนีการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน, ยอดขายรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ดี แรงกดดันต่อภาวะการบริโภคยังมีสูงอันเป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ซึ่งทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี นับจากเดือนมิถุนายน 2545
และการลงทุนของภาคเอกชนชะลอลงมากในเดือนมีนาคม ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (Private Investment Index) ขยายตัวร้อยละ 1.4 เทียบกับร้อยละ 5.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นผลจากการหดตัวลงของยอดขายปูนซีเมนต์ และยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ กิจกรรมการลงทุนในด้านก่อสร้างและยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ มีทิศทางชะลอตัวจากฐานที่ขยายตัวสูงในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
คาดเดือนเม.ย.การบริโภค-ลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้น
สำหรับแนวโน้มในเดือนเมษายน ปี 2549 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ภาวะการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน น่าจะยังคงถูกกระทบจากภาวะราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติครั้งใหม่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หรือ Headline Inflation ที่เพิ่มขึ้นไปถึงระดับร้อยละ 6 จากร้อยละ 5.7 ในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ร้อยละ 2.9 จากร้อยละ 2.6 ในเดือนมีนาคม รวมทั้งผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยดังกล่าวรวมไปถึงปัญหา ความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจยังเป็นผลลบต่อความ เชื่อมั่นของภาคเอกชน ในขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนเมษายนนั้น ก็อาจจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกของไทย ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้อาจจะส่งผลให้อัตราการ ขยายตัวของการบริโภค การส่งออก และการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ชะลอตัวลงในเดือนดังกล่าว
|
|
|
|
|