|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอ็น.ซี.ฯถูกทริสเรทติ้งฯลดอันดับเครดิตจากเดิม" Stable"หรือ"คงที่" เป็น "Negative"หรือ"ลบ " แม้คุณภาพแบรนด์บ้านฟ้าจะติดตลาด แต่เครดิตทางการเงินเริ่มอ่อนแอ เชื่อหากปรับปรุงหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 1 เท่าเครดิตปรับขึ้น
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) NCH ที่ระดับ"BBB"พร้อมปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Negative"หรือ"ลบ " จากเดิม " Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ของบริษัทในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดบปานกลางถึงต่ำ รวมถึงตราสัญลักษณ์"บ้านฟ้า" ที่เป็นที่รู้จัก อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าว ถูกลดทอนลงบางส่วนจากฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงของบริษัท ตลอดจนอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลง ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง และจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนค่าก่อสร้าง
แนวโน้มอันดับเครดิตที่เป็นลบ สะท้อนถึงฐานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลงเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพอันดับเครดิต อย่างไรก็ตาม ทางทริสได้คาดแนวโน้มอันดับเครดิตที่อาจมีการปรับเปลี่ยนเป็นคงที่ หากบริษัทสามารถปรับปรุงผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ไว้ในระดับไม่เกิน 1 เท่าในระยะปานกลาง
ทั้งนี้ ทริสรายงานว่า บริษัทเอ็น.ซี.ฯมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ และตราของบริษัทเป็นที่ยอรับในตลาดบ้านจัดสรรในบริเวณกรุงเทพฯตอนเหนือ ณ เดือนพ.ย.2548 ตระกูลตันฑเทอดธรรมและเครือญาติ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนรวมกันทั้งสิ้น 79% ขณะที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาทำได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมียอดขายรวม 1,524 ล้านบาท ลดลงมากจากยอดขาย 2,521 ล้านบาทในปี 47 หรือลดลง 40% ยอดขายส่วนใหญ่มาจากโครงการในเขตกรุงเทพฯตอนเหนือ ถึงแม้ว่าบริษัทได้เริ่มขยายโครงการไปยังเขตกรุงเทพฯตอนใต้และฝั่งตะวันตกตั้งแต่ปี 45 แต่โครงการดังกล่าวมียอดขายต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากเป็นทำเลที่บริษัทไม่คุ้นเคย
" ยังมีผลกระทบมาจากอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว และการแข่งขันที่รุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว อัตราการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง โดยมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่ระดับ 34% ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 32% "ทริสเรทติ้งฯระบุ
ปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ 33 โครงการ 18,500 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ 3,000 ล้านบาท มาจากบ้านเดี่ยว 79% บ้านแฝด 15% และทาวน์เฮาส์ 6% โดยจะพุ่งเป้าเจาะกลุ่มที่เป็นตลาดใหม่ Niche Martket มากขึ้น โดยบริษัทมีนโยบายรักษาD/E ให้ได้ใกล้เคียงที่ระดับ 1 เท่า โดยบริษัทมีD/E ณ สิ้นปี 48 อยู่ที่ 1.04 เท่า ขณะที่บริษัทยังมียอดขายที่ยังไม่ได้ส่งมอบบ้านให้แก่ลูกค้า 712 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบในปีนี้ ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทอยู่ที่ 1,298 ล้านบาท นอกจากนี้ แผนการซื้อที่ดินใหม่ได้ชะลอออกไป จากเดิมที่วางงบไว้ประมาณ 100-200 ล้านบาท โดยทางผู้บริหารยืนยันว่า บริษัทมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนาประมาณ 800 ไร่ สามารถรองรับโครงการใหม่ได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า
|
|
|
|
|