|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หม่อมอุ๋ยยอมรับเงินเฟ้อกระทรวงพาณิชย์เดือน เม.ย. 6% สูงกว่าคาดการณ์ของแบงก์ชาติ ระบุต้องติดตามเดือนต่อๆ ไปอีกครั้งก่อนปรับนโยบายที่เหมาะสม ยันยังไม่น่าห่วง เพราะเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนประมาณการแบงก์ชาติครั้งล่าสุดภายใต้เงื่อนไขราคาน้ำมันดิบดูไบ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 4-5%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนของกระทรวงพาณิชย์ที่สูงขึ้นว่า สูงกว่าการคาดการณ์ของ ธปท.ที่ใช้ในการดำเนินนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนมาจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่สูงขึ้นมาก
ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวว่า ต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อในเดือนต่อๆ ไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะอัตราเงินเฟ้อที่สูงมากเกินเป้าหมายของ ธปท. ยังเป็นการเกิดขึ้นเดือนเดียว คงต้องรอดูเดือนพฤษภาคมหรือเดือนต่อๆ ไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะแม้ว่าราคาน้ำมันดิบโลกยังสูงอยู่แต่คงจะบอกอะไรก่อนไม่ได้ คงต้องรอให้เกิดความชัดเจนอีกระยะ จึงจะสามารถตัดสินใจในเรื่องการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงต่อไป
"ผมมองว่า เป็นตัวเลขเงินเฟ้อแค่เดือนเดียว ไม่ถึงกับตื่นเต้น ตกใจ และไม่ต้องคิดมาก" ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ออกมาแถลงว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปหรืออัตราเงินเฟ้อประจำเดือน เม.ย. อยู่ที่ 114.3 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.0% และเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือน มี.ค.49 เนื่องจากดัชนีราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 2.0% จากเดือนก่อนหน้า และสินค้าในหมวดอื่นที่ไม่อาหารและเครื่องดื่ม ปรับเพิ่มขึ้น 0.7%
ก่อนหน้านี้ ธปท.คาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 2 น่าจะมีแนวโน้มต่ำลงช้าๆ สำหรับประมาณการแนวโน้มเงินเฟ้อของ ธปท. ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ธปท.ได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ขึ้นจาก 3.5-5% เป็น 4-5% โดยมองว่าไตรมาสแรกของปีนี้ เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 5.5-6% ไตรมาสที่ 2 จะลดลงมาอยู่ที่ 4.5-5.5% ไตรมาสที่ 3 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3-5% และไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 2.5-4% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบไตรมาสแรกที่ 57.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไตรมาสที่ 2 ที่ 62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคงที่ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ที่ 63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปีกรณีฐานเท่ากับ 61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบในเดือนเมษายนและอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาสที่ 2 ต่างสูงกว่าประมาณการของ ธปท.
อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้คาดไว้ล่วงหน้าว่าราคาน้ำมันดิบโลกอาจจะสูงขึ้นกว่ากรณีฐาน จึงได้ประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อด้วยราคาน้ำมันกรณีสูงหรือกรณีเลวร้าย ซึ่งประเมินว่าไตรมาสที่ 2 ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคงที่ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ที่ราคา 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบดูไปทั้งปีกรณีเลวร้ายเท่ากับ 69.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ อาจจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและระยะเวลาของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ 1% จากประมาณการ หรือ 61 เซนต์สหรัฐต่อบาร์เรล ในกรณีฐาน และหรือ 69.3 เซนต์สหรัฐต่อบาร์เรล ในกรณีสูง จะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.05% อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.01% และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ลดลง 0.03% และทำให้ ธปท.จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องไปอีกเพื่อสกัดกั้นการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
ด้านบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายน 2549 ว่า ภาวะการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน น่าจะยังคงถูกกระทบจากภาวะราคาน้ำมันในประเทศ ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติครั้งใหม่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 6% ประกอบกับผลของการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจยังเป็นผลลบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ขณะที่ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อาจกระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งอาจชะลอตัวลงในเดือนดังกล่าว
|
|
|
|
|