ผู้ผลิตสุขภัณฑ์ในตลาดร้องจ๊าก!! แบกต้นทุนไม่ไหว หลังเจอ2เด้ง น้ำมัน-ดอกเบี้ยขึ้น จับตาภายในไตรมาส 3 ขึ้นราคาขายไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมหนีตลาดล่างดีไซน์สินค้าสู่ตลาดพรีเมี่ยมดันยอดขาย เชื่อมูลค่ารวมตลาดยังโต 10% ด้านยักษ์ใหญ่จากค่ายโคห์เลอร์ฯทยอยเพิ่มยอดส่งออก หนีตลาดอสังหาฯในประเทศซบเซายาว
นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตาร์ ซานิทารี่แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของตลาดสุขภัณฑ์ว่า ปัจจัยลบด้านการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในตลาดสุขภัณฑ์ ทำให้ตลาดชะลอตัวลงไปค่อนข้างมาก ประกอบกับในช่วงนี้ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีผลกระทบต่อตลาด โดยเฉพาะการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิงของผู้ประกอบการสูงขึ้นกว่า 20%
" ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการสุขภัณฑ์หลายๆ รายในตลาด ทำให้ทราบว่าขณะนี้ต้นทุนการผลิตสุขภัณฑ์ของผู้ประกอบการแต่ละราย ขยับขึ้นโดยเฉลี่ย 20% โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ทำให้ผู้ประกอบการเตรียมจะปรับราคาขายสุขภัณฑ์ขึ้นครั้งใหม่ คาดภายในไตรมาส 3 จะปรับขึ้นประมาณ 10% จากที่ในช่วง2ปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้น แต่ทุกรายก็ยังยืนราคาเดิมโดยไม่มีการปรับขึ้น" นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า หากมีผู้ประกอบการรายใด นำร่องขึ้นราคาขายก่อนผู้ประกอบการรายอื่น ทางบริษัทฯก็พร้อมปรับราคาขายตามทันที แต่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คงไม่มีผู้ประกอบการรายใดปรับขึ้นราคา เนื่องจากกังวลต่อยอดขายบริษัทได้ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านน้ำมันและดอกเบี้ยค่อนข้างมากในขณะนี้ คือ กลุ่มที่เน้นทำตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ ซ้ำร้ายการชะลอตัวของตลาดยิ่งกระทบต่อยอดขายอีกทางหนึ่ง
นายสมชัย กล่าวถึงตลาดรวมสุขภัณฑ์ในปี 2549 ว่า มูลค่าตลาดรวมขยายตัว 10% แม้ว่าปริมาณการผลิตสุขภัณฑ์จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยทั้งปีประมาณ 4 ล้านชิ้น เทียบกับปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตประมาณ 3 ล้านกว่าชิ้น ทั้งนี้ สาเหตุที่มูลค่าตลาดขยายตัวสูงขึ้นถึง 10% เนื่องจากผู้ประกอบการได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในระดับราคาขายที่สูงขึ้น
ในส่วนทิศทางของบริษัทสตาร์ฯ ในปีนี้จะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% ทั้งในส่วนของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตประมาณ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 10,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ หากต้องเพิ่มกำลังการผลิตจะต้องพิจารณาสภาวะของตลาด และคาดจะขยายกำลังเพิ่มอีกประมาณ 30% ประมาณ 3,000 ตัน เน้นสินค้าระดับบนถึงล่าง สัดส่วนอยู่ประมาณ 20% ส่วนที่เหลือ 80% เป็นสินค้าในตลาดกลาง
สุขภัณฑ์สตาร์ลดส่งออก โคห์เลอร์ฯสวนทางบุกตปท.
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์โดยพยายามลดสัดส่วนการส่งออกจาก 70% ลงมาเหลือ 65% เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดในประเทศให้เป็น 35% จากเดิม 30% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศจะเน้นลูกค้าตลาดกลาง-บนเป็นหลัก และมีส่วนผลักดันให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากเดิมประมาณ 7-8%
ด้าน นายกมล เลิศศรัทธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคห์เลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงนโยบายของโคห์เลอร์ในปีนี้ว่า วางเป้าการเติบโตเป็น 2 เท่าของตลาดสุขภัณฑ์ในทุกปี โดยในปี 2548 เติบโตประมาณ 20% ส่วนในปี49 คาดว่าในภาพรวมตลาดสุขภัณฑ์จะมีอัตราการเติบโตเพียง 5-8% เนื่องจากตลาดอสังหาฯมีการชะลอตัว ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราการเติบโตลดลงถึง 10% เทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าทั้งปีบริษัทจะมีอัตราการเติบโต 10-15%
ปัจจุบันโคห์เลอร์ส่งออกสุขภัณฑ์ 2 ใน 3 ของกำลังการผลิต และขายในประเทศ 1 ใน 3 ของกำลังการผลิต โดยกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 3 ล้านชิ้นต่อปี แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์โคห์เลอร์ 70% ส่วน30% เป็นสุขภัณฑ์กะรัต ทั้งนี้ โคห์เลอร์จะส่งออกสินค้าไปยัง อเมริกาและยุโรปเป็นหลัก โดยจะเพิ่มการส่งออกทุกปี
สำหรับตลาดในประเทศเมื่อตลาดอสังหาฯ มีการชะลอตัว บริษัทปรับแผนหันมาส่งออกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขายตลอดทั้งปี อาทิ การจัดขายเป็นแพ็คเกจ จัดสินค้าเป็นชุดเพื่อขายลดราคาประมาณ 10% รวมทั้งการนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด 30 รุ่น ราคาต่ำสุด 4,000-6,000 บาท/ชิ้น สูงสุด 2 แสนบาทต่อชิ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะนำผลิตภัณฑ์โคห์เลอร์ที่ได้รับรางวัล โกลด์ อวอร์ด ในด้านดีไซน์ยอดเยี่ยมจาก IDSA หรือสมาพันธ์ผู้ออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ โถสุขภัณฑ์ "เพียวริส แฮท บ็อกซ์" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีแท็งก์พักน้ำ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ระบบการชำระล้างที่ใช้น้ำเพียง 6 ลิตรต่ำครั้ง
นายกมลกล่าวต่อว่า สำหรับการแข่งขันของตลาดสุขภัณฑ์ในปีนี้ จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การแข่งขันด้านราคา ซึ่งที่ผ่านมาโคห์เลอร์ได้ตรึงราคาขาย แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่กะรัตได้มีการปรับราคาขายขึ้นแล้ว 2% นับจากต้นปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทจะใช้งบการตลาดทั้งในสุขภัณฑ์โคห์เลอร์และกะรัตรวมกว่า 100 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มของตลาดสุขภัณฑ์ในไตรมาส 2 คาดว่ามีอัตราการเติบโตอยู่ เนื่องจากมองว่าปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังดีอยู่ แม้จะพบปัจจัยลบทั้งราคาน้ำมัน การเมือง อัตราดอกเบี้ย แต่เป็นเพียงผลกระทบต่อกำลังซื้อในช่วงสั้นเท่านั้น โดยเชื่อว่าในครึ่งปีหลังกำลังซื้อจะกลับเข้ามา
บาธรูมฯเพิ่มน้ำหนักลูกค้าต่างชาติ
นางสาวลดาวัลย์ เบญจธนะฉัตร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บาธรูมดีไซน์ จำกัด เปิดเผยว่า กล่าวว่า ภาวการณ์ชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท แต่อย่างใด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเน้นที่ตลาดระดับไฮ-เอ็น รวมถึงการเข้าทำตลาดโครงการหรูทั้งโครงการจัดสรร โรงแรม รีสอร์ท อีกทั้งยังเน้นออกนวัตกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความเป็นผู้นำตลาด
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการทำตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ โดยตลาดหลักสำคัญ อาทิ ฝรั่งเศส, สเปน, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งยอดส่งออกคิดเป็น 20-30% ของยอดขายรวม และตั้งเป้าโตกว่า 1 เท่าตัว ส่วนเป้ายอดขายทั้งบริษัทตั้งเป้าโต 20%
สำหรับกำลังการผลิตในปัจจุบันอ่างอาบน้ำ 1 แสนชิ้นต่อปี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิต 90% ส่วนสุขภัณฑ์มีกำลังการผลิต 50,000 ชิ้นต่อปี คิดเป็น 30-40% ของกำลังการผลิตรวม ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้จะเน้นผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ ใช้ระบบสัมผัส หรือที่เรียกว่า I-TOUCH
|