Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 พฤษภาคม 2549
เมเจอร์ฯซุ่มแผนสกัดเกมแย่งตลาดปิดไอแมกซ์รัชโยธินดันพารากอนเรือธง             
 


   
www resources

โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์

   
search resources

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
วิชา พูลวรลักษณ์
Theatre




เมเจอร์ฯเตรียมยุบไอแมกซ์รัชโยธิน หลังเปิดที่พารากอน พร้อมทั้งวางแผนตลาดไม่ให้สาขากลางเมืองต้องแบ่งลูกค้ากันเอง ชี้อนาคตตลาดรวมหนังยังเติบโตได้อีก ถ้าเร่งแก้ไขสองปัญหาหลักคือช่องทางขายตั๋วและสาขาที่เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด เผยมองข้ามมาร์เก็ตแชร์แล้ว ล่าสุดเปิดพารากอนซีนีเพล็กซ์ หวังดันเป็นสาขาเรือธง ผลักรายได้รวมปีนี้หวังโต 30%

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนโรงหนังไอแมกซ์ที่สาขารัชโยธินใหม่ โดยจะปิดบริการไอแมกซ์สาขานี้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้รับความนิยมในระดับหนึ่งก็ตาม โดยยังคงคอนเซ็ปท์โรงหนังไว้ แต่คงต้องหาวิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่อบริษัทฯเปิดไอแมกซ์ที่สาขาพารากอนซีนีเพล็กซ์แล้วก็ไม่ควรมีไอแมกซ์สองสาขาในไทย เพราะต้องการสร้างให้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น

รวมไปถึงอยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อที่จะไม่ให้แต่ละสาขามีการแย่งลูกค้าหรือเกิดความซ้ำซ้อนกันเองโดยเฉพาะสาขากลางเมืองที่ใกล้กันอย่าง เมเจอร์สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ อีจีวีเมโทรโปลิส และพารากอนซีนีเพล็กซ์

เขากล่าวด้วยว่า ตลาดรวมของอุตสาหกรรมหนังในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่ปัจจัยหนึ่งที่ยังเป็นอุปสรรคและต้องเร่งแก้ไขในภาพรวมคือ เรื่องของความสะดวกทั้งในด้านของการซื้อตั๋วและการขยายสาขาให้ครอบคลุมถึงผู้บริโภคมากที่สุด ขณะที่ในเรื่องของความสะดวกสบายของโรงหนัง หรือคอนเซ็ปท์โรงหนัง การบริการ การตกแต่ง เมืองไทยไม่แพ้ที่อื่นในโลก มีความหรูหราและมีการพัฒนาไปอย่างมาก ได้รับการยอมรับว่าแทบยจะดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

โดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อตั๋ว ตลาดไทยยังใช้ระบบออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตรวมทั้งโมบายทิคเก็ตติ้งน้อยมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ในอเมริกา หรือในเกาหลีใช้โมบายทิกเก็ตมากกว่า 25% รวมทั้งคนไทยยังดูหนังต่อปีน้อยมากเฉลี่ย 2 เรื่องต่อคนต่อปี ส่วนที่อเมริกาดูหนังประมาณ 8 เรื่องต่อคนต่อปี

“ตรงนี้เป็นปัญหาที่เรามองเห็น และในส่วนของเมเจอร์ฯเองก็พยายามพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ เพื่อที่จะให้เกิดความสะดวกสบายและดึงคนเข้ามาดูหนังมากขึ้น ไม่ต้องมาซื้อตั๋วหน้าโรงหนังอย่างเดียวเท่านั้นเพราะจะเสียเวลา ซึ่งจะทำให้ตลาดรวมโตขึ้น เพราะเมื่อเวลาที่จะใช้ในการดูหนังน้อยลงก็จะทำให้คนดูหนังเพิ่มมากขึ้น”

ส่วนประเด็นการขยายโรงหนังนั้น ปัญหาใหญ่คือการหาทำเลที่ดีๆในการสร้างโรงหนังสาขาใหม่ๆ ซึ่งเมเจอร์ฯเองตั้งเป้าที่ต้องการจะขยายโรงหนังใหม่ๆให้ได้เฉลี่ย 30 จอต่อปี ลงทุนเฉลี่ยประมาณ 8-10 ล้านบาทต่อจอ หรือใช้วงเงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อปี โดยปัจจุบันมีประมาณ 270 จอ โดยเป้าหมายรวมต้องการมีประมาณ 500 จอ ซึ่งปีนี้เมเจอร์ฯผุดโรงหนังใหม่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 47 จอ

ในปีนี้ทางเมเจอร์ฯเองก็ยังคงขยายสาขาใหม่ๆและเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดบริการพารากอนซีนีเพล็กซ์แล้ว และคาดว่าจะเปิดเป็นทางการสมบูรณ์แบบได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ โรงหนัง ซึ่งเปิดบริการแล้ว ยังเหลือไอแมกซ์ และโรงหนังบางส่วน

นอกจากนั้นยังเปิดสาขาที่เกาะสมุยในเทสโก้โลตัส และสาขาเอสพานาด ถนนรัชดาภิเษก ที่คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ประมาณไตรมาสที่สามปีนี้ โดยปีนี้ยังคงใช้งบลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยหลักๆคือสาขาพารากอนซีนีเพล็กซ์

“ตอนนี้เราไม่ได้มองมาร์เก็ตแชร์แล้ว แต่เรามองไปที่การทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมหนังโดยรวมมีการเติบโตมากกว่านี้”

ดันพารากอนซีนีเพล็กซ์เรือธง

สำหรับสาขาพารากอนซีนีเพล็กซ์นี้ได้ลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท บนพื้นที่ กว่า 20,000 ตารางเมตร แต่ถ้ารวมทุกอย่างทั้งโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ ฟิตเนส จะมีประมาณ 30,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุน 5 ปี อีกทั้งจะเป็นสาขาที่ทำรายได้หลักในอนาคต มากกว่า 10-20% แทนที่สาขารัชโยธินในเวลานี้ โดยคาดว่าสาขานี้จะมีรายได้จากตั๋วหนังประมาณ 70% และอีก 30% เป็นรายได้จากส่วนอื่นที่ไม่ใช่หนัง

พารากอนซีนีเพล็กซ์ ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ 16 โรง แบ่งเป็นโรงสยามภาวลัย 1 โรงความจุ 1,200 ที่นั่ง โรงภาพยนตร์โนเกียอัลตร้าสกรีน 3 โรง โรงภาพยนตร์อินิกม่า 1 โรง โรงภาพยนตร์แกรนด์เธียเตอร์ 10 โรง โรงภาพยนตร์กรุงศรีไอแมกซ์ 1 โรง รวมทั้งหมด 5,000 ที่นั่ง โบว์ลิ่ง 38 เลน คาราโอเกะ 13 ห้อง และมีราคาตั๋วหนังตั้งแต่ 120 บาท – 1,200 บาท และราคาพิเศษที่แล้วแต่โรงด้วย

นายวิชา กล่าวด้วยว่า สาขานี้ได้นำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆที่มาใช้ในการบริการลูกค้าเข้ามาเสริม เพื่อให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้ตามที่ได้ตั้งนโยบายเอาไว้ เพื่อให้ไลฟ์สไตล์ลูกค้าง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว เช่น พารากอนแคช บัตรแทนเงินสดโดยลูกค้าใช้รหัสส่วนตัวซื้อบัตรดูหนังผ่านช่องทางพิเศษหลากหลายเช่น ออนไลน์ อินเทอร์เน็ต อินเทอร์แอคทีฟวอยซ์เรสปอนด์ มูฟวี่ไลน์ ตู้คีออสที่กระจายตามจุดต่างๆทั่วสยามพารากอน หรือทิคแอนด์โก ตู้จำหน่ายบัตรอัติโนมัติ , บ็อกซ์โมบายล์ ระบบจำหน่ายตั๋วเคลื่อนที่, พลาสม่า และมูฟวี่เทรลเลอร์ออนดีมานด์ เป็นต้น

ทั้งนี้จากการขยายสาขาใหม่ๆรวมทั้งการเพิ่มบริการใหม่ที่หลากหลายคาดว่าในปีนี้เมเจอร์ฯจะมีผลประกอบการที่มากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตประมาณ 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us