|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แลนเซอร์งัดแผนเด็ดระยะยาวสู้ปัจจัยลบ เตรียมแผนลดต้นทุนบริหารจัดการในองค์กรใหม่ เตรียมสวนกระแสด้วยการลดราคาสินค้า เผยสินค้าจีนแย่ได้รับผลกระทบหนักเพราะชอบเล่นสงครามราคา ปีนี้เน้นพัฒนาสินค้าและทำการตลาดต่อเนื่อง ภายใต้งบ 30 ล้านบาท คาดยอดขายสิ้นปีเท่าปีที่แล้ว เชื่อการแข่งขันของตลาดเครื่องเขียนปีนี้เบาลงและคาดว่าจะเติบโต 10%
นายอรรถพล อนาวิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.ที.ซี. อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเขียนแบรนด์ “แลนเซอร์” เปิดเผยว่า วิกฤตการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเพิ่มหรือราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น เป็นเหตุการณ์ที่เคยผ่านมาแล้วในรอบ 10 กว่าปี ซึ่งปัญหาครั้งนี้มองว่ายังไม่รุนแรงเท่าครั้งที่ผ่านมา ในส่วนของบริษัทฯ ได้มีมาตรการรองรับด้วยการเตรียมจัดการบริหารต้นทุนภายในองค์กรใหม่ เช่น เทคโนโลยีการผลิต ฯลฯ ภายใต้งบลงทุนส่วนนี้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนลงทุนต่อเนื่อง 5 ปีมาแล้ว และคาดว่าจะเห็นผลได้อย่างน้อยปีหน้า ซึ่งหากการดำเนินงานตรงนี้เสร็จคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนระยะยาวให้บริษัทฯได้มากถึง 20-30%
ส่วนเรื่องสงครามราคาหรือการปรับเพิ่มราคาสินค้าตามต้นทุนวัตถุดิบที่ขึ้นนั้น บริษัทฯไม่มีแผนเล่นเรื่องนี้หรือขึ้นราคาสินค้า แต่กลับมีแผนลดราคาสินค้าลง หากแผนการลดต้นทุนการผลิตดำเนินการได้อย่างเต็มที่แล้ว
“ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นนั้นมองว่าสินค้าที่มาจากจีนเกือบทุกชนิด รวมถึงปากกาได้รับผลกระทบตรงนี้มาก เพราะที่ผ่านมาจีนนิยมเล่นสงครามราคาเป็นหลัก แต่จากการที่ต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นในปัจจุบันทำให้จีนมีการปรับราคาสินค้าขึ้นแพงกว่าไทย”
นายอรรถพล กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทฯจะเน้นการปรับพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ ปากกาเคมีสองหัวหรือมาร์กเกอร์ ดูโอ เป็นต้น รวมถึงการทำตลาดให้กับสินค้าเดิมที่อยู่แทนที่การเปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งปีนี้ยังไม่มีแผนเปิดตัวแต่อย่างใดโดยจะมีการเปิดตัวสินค้าอีกทีในปีหน้า พร้อมกันนี้บริษัทฯจะเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มผ่านทางดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น ปัจจุบันช่องทางการขายสินค้าของบริษัทฯมีครอบคลุมเกือบทุกแห่งแล้ว
การทำตลาดของแลนเซอร์จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนิช มาร์เก็ตที่บริษัทฯรับจ้างผลิตปากกาให้ 60% ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าอยู่กว่า 1,000 ราย เช่น โนเกีย,กลุ่มโรงแรม ฯลฯ ในปีนี้จะยังคงเน้นโฟกัสกลุ่มนี้อยู่และคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็นอีก 5-10% และกลุ่มแมสมีสัดส่วน 40% ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของปากกาแลนเซอร์จะเป็นวัยรุ่นอายุ 15- 25 ปี
สำหรับงบการตลาดในแต่ละปีบริษัทฯจะใช้ประมาณ 20-30 ล้านบาทในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออโบพ เดอะ ไลน์และบีโลว์ เดอะ ไลน์ อาทิ การเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ
ด้านตลาดส่งออกในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนขยายตลาดใหม่ๆ จากปัจจุบันที่บริษัทฯมีส่งสินค้าภายใต้แบรนด์ชีต้าและแคนดี้ไปจำหน่ายกว่า 60 ประเทศทั่วโลก เช่น อินโดนีเซีย,จีน และยุโรป ทั้งนี้สัดส่วนยอดรายได้จากต่างประเทศ คิดเป็น 30% ของยอดรายได้
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เท่าเดิมเหมือนปีที่แล้วที่มีประมาณ 400 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นบวกลบ 5% ขณะที่ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่าเป็นไปตามเป้า ส่วนยอดขายสินค้าในช่วงเปิดเทอมปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มกว่า 50%
ส่วนภาพรวมการแข่งขันของตลาดเครื่องเขียนในปีนี้มองว่าจะเบาลงจากปีที่แล้วที่มีการแข่งขันรุนแรงมากจากผู้ประกอบการแต่ละราย เนื่องจากการกังวลภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น โดยปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้น 10% ปัจจุบันแลนเซอร์เป็นผู้นำตลาดปากกาลูกลื่นในตลาดวัยรุ่น ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 30%
|
|
|
|
|