Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2543
ไปเยี่ยม โมม่า ที่ซานฟรานฯ             
โดย อเนกระรัว
 





สองเดือนที่แล้วผมมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนนคร ซานฟรานซิสโก สหรัฐ อเมริกา การเยือนครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาสวนกระแสเศรษฐกิจแต่เป็นเพราะมีภารกิจในหน้าที่ ที่ต้องเดินทาง จึงถือโอกาสนี้เที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ กิจกรรม ที่ผมมักจะกระทำเวลาเดินทางไปเมืองใหญ่ๆ ต่างแดนคือ การไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ที่สำคัญ และครั้งนี้ผมได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ San Francisco Museum of Modern Art และอีกแห่งหนึ่ง ที่ได้ไป ชมคือ พิพิธ ภัณฑ์เกี่ยวกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่มีชื่อว่า Exploratorium บท ความคราวนี้ผมขอเล่าถึงการไปเยือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนครซานฟรานซิสโก ซึ่งผมขอเรียกย่อๆว่า โมม่า

ซานฟรานซิส โก เป็นนคร ที่มีพลเมืองหนาแน่นเป็นอันดับสองของ สหรัฐอเมริการองจากมหานครนิวยอร์ก แต่ถ้านับจำนวนประชากรของเมือง จะ ถือเป็นเมืองในอันดับ ที่สิบสอง นครซานฟรานซิสโกมีขนาดเล็กมาก มีเนื้อ ที่เพียง 120 ตารา งกิโลเมตร (ถ้าเทียบเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสจะมีขนาด ประมาณ 11 คูณ 11 ตารางกิโลเมตร)แต่ภายในเนื้อ ที่จำกัดนี้มีเพียบพร้อมทุกสิ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางทางการเงินของฝั่งตะวันตก (ฝั่งตะวันออก คือ นิวยอร์ก) เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะวัฒนธรรมของฝั่งตะวันตก มีสวน สาธารณะขนาดใหญ่ มีเนินเขา ที่ปกคลุมด้วยแมกไม้เขียวชอุ่ม มีชายฝั่ง ทะเลทั้งหาดทรายเนินผา และท่าเรือโอบอยู่เกือบรอบเมือง มีบ้านเรือน ที่มี รูปทรง และสีสันสวยงามปลูกอยู่ตาม เนินเขา มีตึกระฟ้า มีตลาดขายของ ที่ มีผู้คนขวักไขว่วุ่นวาย ว่ากันว่านครซาน ฟรานซิสโกเป็นเมือง ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ของโลก

มีดีก็ต้องมีเสียเป็นธรรมดา ปัญหาสำคัญของนครซานฟรานซิสโกคือ ภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นพสุธารอเวลาเสนอตัว และ ปัญหาเรื่องคนจรจัด ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ซานฟรานซิสโกเป็นเมือง ที่น่าเที่ยวแต่ อาจไม่น่าอยู่ เหมือนนครนิวยอร์ก คือ เป็นเมือง ที่ผู้คนมีการแข่งขันสูง (แต่ ยังไม่เท่า ที่นิวยอร์ก) ค่าครองชีพสูง ถนนหนทาง คับแคบ รถติด ผู้คน ขวักไขว่ทั้งชาวเมือง และนักท่องเที่ยว ที่ดิน และ ที่อยู่อาศัยรวมทั้งค่า ที่จอดรถมีราคาสูงมาก ผมเคยนั่งแท็กซี่จาก Pier 39 หรือท่าเรือ ที่เป็นสถานที่ ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงมายัง ที่พักระยะทางประมาณ 2 ถึง 3 กิโลเมตรต้องจ่ายไปถึง 15+2 เหรียญ (รวม ทิป) หรือประมาณ 650 บาท เป็น ประสบการณ์ ที่น่าจ ดจำ และทำให้หลังจากนั้น ผมจึงขึ้นรถเมล์ตลอด

ที่พักของผมเป็นโรงแรมเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ ใจกลางเมืองย่าน ที่เรียกว่า Theater District บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ โรงละครหลายโรง จาก ที่พัก สามารถเดินไปยัง Sa n Francisco Museum of Modern Art หรือ โมม่า ด้วยระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เดินผ่านย่านชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ซึ่งมีร้าน สรรพสินค้าใหญ่น้อยหลายร้านเข้าสู่บริเวณ ที่เรียกว่า Yerba Buena Gardens บริเวณดังกล ่าวประกอบด้วยสนามหญ้าสาธารณะไว้ให้เด็กวิ่งเล่นหรือเดิน เล่น ศูนย์จัดแสดง และจัดสัมมนาขนาดใหญ่ หอศิลปะร่วมสมัย โรงละคร สำหรับจัดการแสดงด้านศิลปะ และวัฒนธรรม และยังมี ที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่ง ประกอบด้วยลานอเนกประสงค์สำหรับจัดการแสดงกลางแจ้ง สวนต้นไม้ เล็กๆ น้ำพุ และทางเดิน ที่ประดับด้วยประติมากรรมร่วมสมัย เป็นระยะๆ เป็นสถานที่ ที่มีบรรยากาศเหมาะในการเสพงานศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมทางปัญญา

โมม่าตั้งอยู่สุดด้านหนึ่งของ Yerba Buena Gardens เป็นตึกรูปทรง สมัยใหม่สีส้มอิฐมอญ ตรงกลางมีหลังคารูปทรงกระบอกกลมตัดเฉียงสีขาว สลับดำเห็นเด่นเป็นสง่า เป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิก ที่มีชื่อเสียง ชาวสวิส นาม ว่า Mario Botta ตึกหลังนี้สร้างขึ้นใหม่ และเริ่มใช้งานตั้งแต่ต้น ปี 1995 ความรู้สึกของผมเมื่อมองจากระยะไกลสู่ด้านหน้าของตึก จะเห็นโมม่าเด่น อยู่ท่ามกลางดงทะมึนของตึกระฟ้าเบื้องหลัง แสดงให้เห็นถึงเขตแดนแห่งวัฒนธรรมทางศิลปะ ถ้าเลยจากนั้น ไปจะเข้าสู่เขตแดนแห่ง วัฒนธรรมเงินตราเพราะคือ ที่ตั้งของย่านสำนักงานธุรกิจ และการเงิน ที่เรียกว่า Financial District ประกอบด้วยตึกสูง ที่แย่งกันเสียดฟ้าหลายสิบตึ ก เผย ถึงความจริงจังอย่างที่สุดของวัฒนธรรมเงินตรา

ความจริงต้นฉบับของคำว่า โมม่า อยู่ ที่นครนิวยอร์ก คือ ที่นิวยอร์กได้ มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ขึ้นมาเป็นแห่งแรก และให้ชื่อว่า Museum of Modern Art ตั้งแต่ปี ค.ศ.1929 ใช้อักษร ย่อว่า MOMA และ ปัจจุบันยังคงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ที่ใหญ่ที่สุด ส่วน ที่ซานฟราน ซิสโก พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1935 โดยใช้ชื่อว่า San Francisco Museum of Art ด้วยจุดประสงค์ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะ ด้านจิตรกรรม และประติมากรรมของศตวรรษ ที่ 20 ต่อมาเมื่อปี 1975 จึง เติมคำว่า Modern เข้าไป เพื่อให้สื่อความหมายได้ถูกต้องยิ่งขึ้น แต่ เพื่อไ ม่ ให้สับสน พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ของเมืองซานฟรานซิสโก จึงใช้คำย่อเป็นทางการว่า SFMOMA (แต่ในบทความนี้ โมม่า หมายถึง SFMOMA)

คำว่าศิลปะสมัยใหม่หรือ Modern Art มีความหมายเฉพาะเจาะจง ถึงเป็น ศิลปะตั้งแต่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวคิด ที่สำคัญ ( ซึ่งบังเอิญตรง กับช่วงต่อของปลายศตวรรษ ที่ 19 เข้าสู่ศตวรรษ ที่ 20) เป็นต้นมา บางครั้งอาจสับสนเหมาเอาว่าเป็นศิลปะของศตวรรษ ที่ 20 และการเปลี่ยน แปลงความคิดทางศิลปะนี้มีอิทธิพล และครอบคลุมหลายสาขาเช่น จิตรกรรม ประติมากรรม ดนตรี สถาปัตยกรรม การออกแบบเครื่องใช้ และ วรรณกรรม เป็นต้น และยังขยายไปครอบคลุมสื่อชนิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลัง ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันโมม่า จึงขยายขอบเขตของ งานศิลปะให้รวมถึง งานด้านสถาปัตย กรรม ภาพถ่าย งานด้านการออกแบบเครื่องใช้ และงาน ด้านมีเดีย ซึ่งรวมถึง วิดีโอ และภาพยนตร์ โมม่ว มีผลงานศิลปะสะสมไว้มาก กว่า 18,000 ชิ้ น นอกจากงานของศิลปิน ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจาก ประเทศยุโรป โมม่ายังเน้นสะสมผลงานของศิลปินท้องถิ่น ศิลปินอเมริกันฝั่ง ตะวันตก และประเทศใกล้เคียงเช่น เม็กซิโก ถือได้ว่าซาน ฟรานซิสโกโมม่า เป็นแหล่งรวบ รวมผลงานศิลปะของศิลปินอเมริกัน ฝั่งตะวันตก ที่สมบูรณ์ที่สุด

ถึงทางเข้าจะต้องซื้อบัตรเข้าชมในราคา (ผู้ใหญ่) 9 เหรียญ พอดีผมมี "ตั๋ววัน" 1 Day Ticket สำหรับขึ้นรถใต้ดินหรือรถเมล์เลยได้ส่วนลด 2 เหรียญ ก่อนเข้าชมจะต้องฝากสัมภาระเช่น เสื้อ คลุม กล้องถ่ายรูป กระเป๋าถือ ร่ม ฯลฯ ไว้ ที่ ที่ฝากสัมภาระ ภายในตึกโมม่า มี ที่จัดแสดง งานทั้งหมด 5 ชั้น ชั้น ที่หนึ่ง และส่วนหนึ่งของชั้น ที่สองเป็นนิทรรศการพิเศษของศิลปินท้องถิ่นในหัวข้อว่า Sound and Arts มีงานชิ้นสำคัญได้ แก่งาน ที่ชื่อว่า Birds เป็นผลงานของศิลปินชื่อ Matt Heckert ต้องใช้ ที่จัดแสดงค่อนข้างกว้างคือ ห้องโถงใหญ่ๆ หนึ่งห้อง ภายในห้องมีอุปกรณ์ ที่ สร้างขึ้นจากโลหะอะลูมิเนียมขนาดสูงกว่าตัวคนจำนวน 20 ชุด จัดวางเป็นรูปก้นหอยกระจายอยู่รอบห้อง รูปร่างของอุปกรณ์จำลองการทำงานของปีกนกโดยใช้แผ่นอะลูมิเนียมขนาดราว 3 คูณ 6 ฟุต ซึ่งสามารถเคลื่อนไหวคล้ายนกกระพือปีก ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ควบคุมด้วย คอมพิวเตอร์ ผู้ชมต้องมานั่ง ที่ ที่จัดไว้ ซึ่งอยู่บริเวณกลางห้อง จากนั้น พนักงานจะกดปุ่มเริ่มการทำงาน ปีกนกอะลูมิเนียมยักษ์จะเริ่มกระพือ จากตัวหนึ่งสู่อีกตัวหนึ่ง การกระพือทำให้เ!ิดเสียงดัง มีการสลับไปมาหลายลักษณะ จากกระพือค่อยๆ ห่างๆ กัน จนถี่ขึ้นกลายเป็นฝูงนกบ้าระห่ำ ในที่สุดก็หยุดนิ่ง เป็นอันจบการแสดง

งาน Sound and Arts ที่น่าสนใจอีกชิ้นหนึ่งคือ ผลงานของศิลปินชื่อ Trimpin ในชื่อว่า Conloninpurple ประกอบด้วยตัวกำเนิดเสียงรูปร่าง คล้าย แตรสีม่วง ที่มีระดับเสียงต่างๆ (Pitch) หลายชิ้นห้อยอยู่กับสายไฟเต็มเพดานห้อง ทั้งหมดทำงานด้วยไฟฟ้า และควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ตรง กลางห้องจะมีแป้นควบคุม ซึ่งมีปุ่มหมุนอยู่สองปุ่ม ปุ่มหนึ่งเป็นการเลือก บันไดเสียงหรือกลุ่มเสียง และอีกปุ่มจะใช้บรรเลง คือ เมื่อใด ที่หมุนปุ่มจะ เ กิดเสียง เสียง ที่ดังขึ้นเขานำโครงร่างมาจากดนตรีของ John Cage (นักประพันธ์ดนตรีร่วมสมัย ที่มีชื่อเสียง) และศิลปินร่วมสมัยในแถบฝั่งตะวันตก

จากนั้น ผมขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น ที่ 5 ซึ่งจัดแสดงภาพเขียน และ ประติมากรรม ขนาดเล็ก ซึ่งส่วนหนึ่งให้ยืมมาแสดงจากการสะสมส่วนบุคคล ชั้น นี้มีภาพเขียนจากศิลปิน ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากตั้งแต่ยุคอิมเพรสชันนิสม์ ตอนต้นเช่น Edgar Degas ไล่ไปจนถึงงานแนวคิวบิสม์ของ Plabo Picasso ผลงานของศิลปิน ที่มีชื่อเสียงเท่า ที่จำได้เป็นตัวอย่าง เช่น Claude Monet, Pual Cezanne, Pual Gauguin, Vincent Van Gogh (มีน้อย มาก) และศิลปินในยุคต้นศตวรรษ ที่ 20 ของสหรัฐฯจำนวนหนึ่ง ที่ม ีมากที่สุดเห็นจะเป็นผลงานของ Picasso และ Henri Matisse ความจริงผมไม่ ได้เชี่ยวชาญงานศิลปะนัก แต่การที่ได้มาชมผลงานอย่างใกล้ชิด ได้เห็นลายเส้นของพู่กันหรือเกรียง และเห็นรายละเอียดของแสงสี ที่แท้จริง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะเข้าถึงความรู้สึกของภาพเขียน ที่สำคัญคือ สามารถ เข้าไปชมงานได้ในระยะไม่ถึง 1 เมตร ซึ่ง เป็นงานต้นฉบับ ที่ศิลปินได้วาดขึ้น จากการมองในระยะเท่าๆ กัน เนื่องจากผมไม่มีเวลามาก การชมผลงานจึง ต้องผ่าน อย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะดูไม่ครบ ( ซึ่งในที่สุดก็ไม่ครบจริงๆ ) เท่า ที่จำได้งานแสดงผลงานของศิลปิน ที่มีชื่อเสียงในยุคอิมเพรสชันนิสม์ และนีโอ-อิมเพรสชัน นิสม์ ที่โมม่า ที่ นิวยอร์กจะเด่นกว่า

สำหรับภาพเขียน และประติมา กรรมมีแสดงอีกส่วนหนึ่งในชั้น ที่ 2 เน้น ผลงาน ที่ใหม่กว่าเช่นผลงานแนวแอ็บสแตรกท์ เอ็กซเพรสชันนิสม์ของ ศิลปินอเมริกันเช่น Willem de Kooning, Jackson Po llock หรือ Franz Kline นอกจากนั้น ก็มีผลงานของศิลปินเม็กซิกันเช่น Diego Rivera ผล งานแนวอเมริกันป็อปอาร์ทของ Andy Warhol, Jasper Johns และ Robert Rauschenberg เป็นต้น แนวเซอเรียลลิสต์เช่น Salvad or Dali และ Max Ernst เป็นต้น ผลงานหลายชิ้นผมเคยผ่านตา จากหนังสือ ที่ผมสะสมไว้ และหลายๆ ชิ้นผมมีความรู้สึกชอบ พอได้มาเห็นของจริงอย่างใกล้ชิด ทำให้รู้สึกถึงพลัง ที่แฝงอยู่ ที่งานพลังอันนี้เกิดจากพลั งทางความคิด และ ความรู้สึกของศิลปินผู้สร้าง ซึ่งได้ถูกถ่ายทอด และแปรงแฝงตัวมาสู่วัตถุรูป รอให้มีผู้คนมาค้นพบ

ผมรู้สึกเสียดาย ที่ใกล้จะถึงเวลาปิด ผมได้ข้ามงานแสดงหลายงานเช่น ภาพถ่ายพื้นผิวดวงจันทร ์จากยานอพอลโล งานแสดงความรู้เรื่องมัลติ มีเดีย ส่วนงานแสดง ที่น่าสนใจ และรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ชมอย่างจริงจังคือ งาน แสดง มีเดียอาร์ท ซึ่งเป็นการนำสื่อสมัยใหม่เช่น เครื่องฉายสไลด์มัลติสกรีน วิดีโ อ ภาพยนตร์ หรือผสมกันหลายสื่อ ซึ่งมีทั้งเสียง แสง และภาพ นอกจากนั้น ยังมีงานแสดงภาพถ่าย ที่น่าสนใจของศิลปินแถบอเมริกาใต้ ที่ สุดก็ต้องเดินจ้ำผ่านแค่ทางเข้าห้องแสดง และก็ต้องเลี้ยวออกมา ที่บันไดสู่ประตูทางออก

เป็นความรู้สึกเสียดาย ที่ยังไม่สามารถชมได้ครบ และความรีบเร่งทำให้ไม่สามารถซาบซึ้งกับผลงาน ที่ยิ่งใหญ่ หลายๆ ชิ้นได้เท่า ที่ควร แต่ก็เป็น ประสบ การณ์ ที่น่าประทับใจสำหรับการเที่ยวชม เท่า ที่เวลาจะอำนวย หันกลับมามองบ้านเรา อยากจะให้ผู้เกี่ยวข้องหันมาสนใจพัฒนาสถานที่จัด แสดงงานศิลปะให้มีมาตรฐาน และส่งเสริมกิจกรรมด้านศิลปะ เพื่อให้ ประชาชน และผู้สนใจได้มีโอกาสสัมผัสงานศิลปะสาขาต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งในส่วนของผู้เสพ และผู้สร้าง ไม่แน่วันดีคืนดีอาจมีโมมศา ที่กรุงเทพฯ ขึ้นมาก็ได้ สวัสดีปีใหม่อีกรอบนะครับท่านทั้งหลาย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us