|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ต่างชาติทั้งทั้งนิวซีแลนด์และออสเตรเลียสบช่องระดมใส่กลยุทธ์ทุกรูปแบบฟาดฟันกันพร้อมบุกไทยหวังใช้เป็นสนามแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวอินเซนทีฟเข้าประเทศตัวเองหลังจาก FTA มีผลบังคับใช้...
การที่ ฯพณฯ ปีเตอร์ โฮวาร์ด ไรเดอร์ เอกอัครราชฑูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เตรียมจัด"เทศกาลเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี" สัมพันธ์ไทย-นิวซีแลนด์"ขึ้นมาช่วงต้นเดือนพฤษภาคมศกนี้ ว่ากันว่า เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ พร้อมจัดนิทรรศการนิวซีแลนด์ เทศกาลอาหารและไวน์นิวซีแลนด์ และเทศกาลภาพยนตร์นิวซีแลนด์ ในเดือนพฤษภาคมศกนี้
รสกมล วงศ์เชาวนาถ ผู้จัดการประจำประเทศไทย การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปีหนึ่งๆ มีคนไทยไปเที่ยว “นิวซีแลนด์” ประมาณ 20,000 คน เนื่องจากนิวซีแลนด์ที่มีธรรมชาติเป็นจุดขาย การโปรโมทจึงต้องมีลักษณะเฉพาะและแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ
การเปิดตัวของเทศกาลเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีที่กำลังจะมีขึ้น รสกมล กล่าวเสริมว่า เป็นแผนการตลาดที่ต้องการทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักประเทศนิวซีแลนด์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มประเภทไวน์ที่สร้างชื่อให้กับประเทศอีกด้วย
การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์จะมีการทำตลาดแตกต่างจากประเทศไทยคือจะไม่มีการโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวให้คนในประเทศเลย แต่จะมีการโปรโมทให้นักท่องเที่ยวนอกประเทศได้รู้จักและนี่คือที่มาของการจัดงานครั้งนี้
“ปัจจุบันเรามีออฟฟิศอยู่ใน 14 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย แต่การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์จะต่างกับททท.บ้านเราตรงที่กันททท.ที่จะทำตลาดโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศ ส่วนการท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์จะโปรโมทการท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะไม่โปรโมทการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศเลย”รสกมล กล่าว
ขณะที่การท่องเที่ยวแดนจิงโจ้ ชิงเข้ามาบุกจัดงานTeam Australia Business Events Educational 2006 หรือ TABEE 2006 ก่อนหน้านั้นในเมืองไทย หวังเจาะตลาดอินเซ็นทีพในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทย ให้กำหนดแพคเกจเที่ยวออสเตรเลียเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายในการจัดอินเซ็นทีพเที่ยวนอกนั่นเอง โดยในปีนี้การท่องเที่ยวออสเตรเลียได้วางกลยุทธ์ในการโหมบุกตลาดอินเซ็นทีพอย่างหนัก เพื่อชดเชยตลาดนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ที่เชื่อว่าจะชลอตัวไป
โดยหมายมั่นที่จะดึงจำนวนคนไทยเข้าประเทศให้โตกว่าปีที่แล้วถึง 10% พร้อมงัดกลยุทธ์สู้และรุกเจาะตลาดอินเซ็นทีฟ ล่าสุดมีการดึง 47 บริษัทออสซี่ เยือนไทยจัดเทเบิ้ลท็อปเซลล์และสัมนาความรู้ด้านอินเซ็นทีฟ ให้บริษัทขายตรง-ประกัน-เอเย่นต์กว่า 50 บริษัททั่วเอเชีย ทั้งผนึกพันธมิตรร่วมจัดกิจกรรมดึงกลุ่มครอบครัว พร้อมเปิดตัว"ออสเตรเลียน เอาท์แบ็ค สเปคทาคูล่าร์" จุดขายใหม่ท่องเที่ยว
งานนี้ ธงชัย วิบูลย์ศักดิ์สกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวออสเตรเลีย กล่าวว่าการท่องเที่ยวออสเตรเลียวางเป้าผู้ที่จะเดินทางจากไทยเข้าประเทศในปีนี้ถึง 8.4 หมื่นคน จากปี 2548 ที่มีจำนวน 7.7 หมื่นคน
กลุ่มตลาดอินเซ็นทีฟจึงเป็นเป้าหมายเป็นหลัก เนื่องจากไทยจะมีปัญหาการชะลอตัวด้านเศรษฐกิจ แต่ภาคธุรกิจอินเซ็นทีฟ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขายตรง หรือบริษัทขายประกันชีวิตกลับมียอดขายทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นสวนกระแส และการจัดอินเซ็นทีฟเที่ยวต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายของบริษัทต่างๆก็ยังมีอยู่สูง จึงเป็นกลุ่มตลาดสำคัญที่จะต้องจูงใจให้หันมาจัดอินเซ็นทีฟเที่ยวออสเตรเลีย
“ต้องเข้าไปพบปะกับบริษัทต่างๆเหล่านี้เพื่อเสนอแนะรูปแบบการจัดทัวร์ที่ไม่เหมือนกับการขายทัวร์ตามท้องตลาดทั่วไป เพื่อให้ผู้เดินทางรู้สึกถึงความแปลกที่หาไม่ได้ทั่วไป อาทิ อาหารกลางอาจจะไปทานที่ฟาร์ม หรือ บลูเมาน์เทน หรือการทานอาหารภายในอควาเรียม”ธงชัย กล่าว
ชวนขายตรง-ประกันเที่ยว
งาน TABEE 2006 ของการท่องเที่ยวออสเตรเลียที่เกิดขึ้นในไทยปีนี้เป็นการรวมพลระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจอินเซ็นทีฟของออสเตรเลียจำนวน 47 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันและขายตรงพบกับเอเย่นต์อินเซ็นทีฟทั่วเอเชียกว่า 50 บริษัท ซึ่งภายในงานได้มีการแนะนำวิธีการจัดงานอินเซ็นทีฟเที่ยวออสเตรเลีย รวมไปถึงการจัดเทเบิ้ล ท็อปเซลล์ ที่จะมีธุรกิจโรงแรม คอนเวนชั่นบูโร จากเมืองต่างๆของออสเตรเลีย มาให้ข้อมูลกับผู้ซื้อที่เป็นบริษัทขายตรงต่างๆในเอเชียด้วย
ธงชัย กล่าวว่า การสร้างความแตกต่างระหว่างกรุ๊ปทัวร์และกรุ๊ปอินเซ็นทีพ ที่ผ่านมากรุ๊ปอินเซ็นทีพกว่า 80%จะเป็นการซื้อทัวร์หน้าร้านทั่วไป แต่งาน TABEE 2006 นี้ ต้องการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเอเย่นต์และบริษัทคอร์เปอร์เรตต่างๆในเอเชีย และเพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากการซื้อกรุ๊ปทัวร์ทั่วๆไป
เป็นที่น่าสังเกตุว่าการทำตลาดอินเซ็นทีพของออสเตรเลียนั้น จะเน้นไปที่ตลาดระดับบนกรุ๊ปเล็กๆเป็นหลัก ไม่เน้นไปที่กรุ๊ปอินเซ็นแบบกรุ๊ปขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้เกิดการดั๊มราคาจนเสียกลไกทางการตลาด ขณะที่การจัดอินเซ็พทีพก็มีหลากหลายรูปแบบที่จะเจาะได้ ตั้งแต่การจัดงานเพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้เปิดตัวสินค้า ประกาศเกียรติคุณ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายจะมุ่งเน้นไปที่องค์กรบริษัทต่างๆที่มีการขายแบบดีลเลอร์ ซึ่งต้องการผลักดันให้เกิดยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขายตรง ประกัน รถยนต์ เป็นต้น และต้องการกระตุ้นให้พนักงานทำงานได้มากขึ้น สามารถที่จะกำหนดและปรึกษา กับกลุ่มบริษัทนำเที่ยวกลุ่มอินเซ็นทีฟ สถานที่พักและแหล่งท่องเที่ยว ในการวางรูปแบบให้การจัดงานท่องเที่ยวแตกต่างจากแบบเดิมๆเช่น การใช้ธีมปาร์ตี้ เป็นจุดสร้างกิจกรรมร่วมกัน กิจกรรมสร้างความสามัคคีหรือ Team Building
ขณะเดียวกันรสกมล กล่าวถึงประเทศนิวซีแลนด์ ว่ามีจุดแข็งคือการโฟกัสนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณเช่นกัน นิวซีแลนด์จะไม่ตั้งเป้าว่าปีนี้ต้องดึงนักท่องเที่ยวได้ 13 ล้าน ปีหน้าต้องเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้าน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาเที่ยวนิวซีแลนด์จะมีไลฟ์สไตล์ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เป็นคนชอบใช้เทคโนโลยี มีมือถือ มีอินเทอร์เน็ตใช้ และหาข้อมูลจากเว็บไซต์ และชอบจองทัวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต
“เป็นคนที่รู้จัก enjoy สนุกสนานในชีวิต ดื่มไวน์เป็น ชอบที่จะลองอาหารที่แตกต่างจากชีวิตประจำวัน เป็นคนที่ชอบศึกษาวัฒนธรรมและไม่เร่งรีบที่จะท่องเที่ยว ไม่ได้ไปแบบ 3-4 วัน ชะโงกดูสถานที่ท่องเที่ยวแล้วก็กลับ ทำให้นิวซีแลนด์ต้องการผลักดันตัวเองให้ประเทศตัวเองเป็น Interactive Travellers สำหรับนักท่องเที่ยว”รสกมล กล่าว
รสกมลขยายความถึงการท่องเที่ยวแบบ Interactive Travellersในนิวซีแลนด์นั้นจะเป็นการท่องเที่ยวดูธรรมชาติของนิวซีแลนด์ มีความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว ได้อากาศที่บริสุทธิ์ และความคุ้มค่าในการท่องเที่ยว โดยจุดกระแสให้นักท่องเที่ยวให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากการท่องเที่ยว เช่นขับรถเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามในสถานที่ต่างๆ ของประเทศ ได้ลิ้มลองไวน์และอาหารที่แตกต่างจากชีวิตประจำวันอย่างไม่เร่งรีบ
แต่การเที่ยวแบบ Interactive Traveller อาจจะไม่สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ของคนไทยที่การท่องเที่ยวคือ ต้องเที่ยวแบบสบายๆ มีคนพาไป กินอาหารดีๆ พักโรงแรมสบายๆ และช้อปปิ้ง
“เราเชื่อมั่นว่า การเที่ยวแบบ Interactive Traveller เป็นแนวโน้มการท่องเที่ยวที่คนไทยจะชื่นชอบ นิวซีแลนด์เข้ามาโปรโมทการท่องเที่ยวแบบ Interactive Traveller ในประเทศไทยมาประมาณ 3 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นเอเย่นต์จะขายแต่กรุ๊บทัวร์ แต่ปัจจุบันเอเย่นต์ต้องตั้งแผนกที่ขายแพ็คเกจแบบ Interactive Traveller เยอะมาก คือจะขายแค่ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาจจะมีรถเช่า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พ่วงมาด้วยเล็กน้อย และมันก็เป็นแพ็คเกจที่ขายดีมาก”รสกมล กล่าว
ส่วนการขายแบบกรุ๊ปทัวร์ก็คงมีอยู่ แต่จะเจาะกลุ่มคนที่ไปท่องเที่ยวนิวซีแลนด์เพราะได้เป็นรางวัลกับการขาย เช่นขายตรง ขายยา เป็นต้น ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้จะให้ไปแบบเที่ยวเองก็คงไม่ไหว เพราะเป็นกลุ่มท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อเขาพวกนั้นกลับไปเที่ยวซีแลนด์แบบส่วนตัวอีกครั้งเขาก็จะเลือกทัวร์แบบ Interactive Traveller อยู่ดี
รสกมล กล่าวถึงนิวซีแลนด์มองประเทศตัวเองว่าเป็น Niche มากกว่า Mass เพราะจะให้ไปแข่งขันกับประเทศที่มีความสนุกสนานทางด้านช้อปปิ้งคงสู้ไม่ได้ และถึงแม้เราจะมีแหล่งช้อปปิ้งตามเมืองใหญ่ๆ แต่ของที่ขายราคาก็ไม่ถูกเมื่อเทียบกันประเทศอื่นๆ ทำให้นิวซีแลนด์ใช้จุดอื่นในการโปรโมทเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับประเทศคือธรรมชาติของประเทศ
การเข้าไปกระตุ้นตลาดกรุ๊ปทัวร์อทางนิวซีแลนด์จะไม่ไปดึงลูกค้าโดยการลดราคาแพ็คเกจเที่ยวเหมือนกับประเทศอื่นๆ เพราะการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ได้มองว่าถ้าเราลงไปเล่นเรื่องราคา นักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็คเกจมาก็จะได้รับการบริการที่ไม่ดีเท่าที่ควร และผลรับที่ได้กลับมาก็คือนักท่องเที่ยวจะไปพูดเกี่ยวกับนิวซีแลนด์ในทางที่ไม่ดี และจะไม่มีใครกล้ามาเที่ยวนิวซีแลนด์ในอนาคต แต่จะใช้วิธีการเข้าไปช่วยเอเย่นต์ทัวร์ในการทำแพ็คเกจท่องเที่ยว เข้าไปคุยกับสายการบินที่มีอยู่ 5-6 สายที่บินเข้านิวซีแลนด์เพื่อมอบส่วนลดค่าบินไปนิวซีแลนด์ และทำการตลาดทั้ง Below the line และ Above the line เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง
ยิ่งช่วงหลัง ฮอลลีวู้ดใช้ฉากของนิวซีแลนด์ เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่โด่งดังหลายเรื่อง นิวซีแลนด์เลยใช้กระแสนี้โปรโมทการท่องเที่ยวตามไปด้วย เช่น เที่ยวแบบตามรอยสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เช่นหมู่บ้านซามูไรของภาพยนตร์เรื่อง Last Samurai หรือหนังอย่าง Lord of the ring ก็ทำมานานแล้ว “คิงคอง” และล่าสุด “นาร์เนีย” ก็ได้รับความสนใจจากนักท่อเที่ยวจำนวนมาก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า นิวซีแลนด์
ปี 2547 จำนวน 20194 คน
ปี 2548 จำนวน 19556 คน
นักท่องเที่ยวทที่เดินทางเข้า ออสเตรเลีย
ปี 2548 77000 คน
ปี 2549 84000 คน (คาดการ์เท่านั้น)
ที่มา : ข้อมูลจากการท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
หมายเหตุ : ตัวเลขนักท่องเที่ยวอาจมีขึ้นและลงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
การจัดงานเพื่อดึงตลาดอินเซ็นทีฟในไทย
1. ประเทศ ออสเตรเลีย ชื่องาน Team Australia Business Events Education 2006 หรือ TABEE 2006 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2549
2. ประเทศ นิวซีแลนด์ ชื่องาน New Zealand Festival in Bangkok ระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม 2549
ที่มา : จากการรวบรวมของผู้จัดการรายสัปดาห์
|
|
|
|
|