|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซาบีล อินเวสเม้นท์ กลุ่มทุนจากดูไบ ขนโครงการยักษ์ “เทียร่า เรสซิเดนซ์ฯ”มูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านบาท มาขายในไทย เจาะกลุ่มนักธุรกิจไทย-ข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ชูจุดเด่นตั้งอยู่บนดูไบ ปาล์ม สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก พร้อมการันตีรายได้ปีละ 10% นาน 3 ปี
ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการชาวไทยเท่านั้น ที่นิยมไปโรดโชว์ หรือนำโครงการหรูหราออกไปเสนอขายยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการหรูหรา ประเภทบ้านพักตากอากศ หรือบ้านหลังที่สอง
มาวันนี้ กลุ่มทุนจากดูไบได้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์มาเสนอขายถึงไทย โดยเน้นกลุ่มเศรษฐีชาวไทยและนักธุรกิจที่เข้ามาทำงานหรือมาลงทุนในไทยเป็นหลัก โครงการที่นำเข้ามาโรดโชว์คือโครงการ“เทียร่า เรสซิเดนซ์ แอนด์ อนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา” ที่มูลค่ามากถึง 600 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 22,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนดูไบปาล์ม จูมีร่าห์ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ8ของโลก
โรเบิร์ต คอลลินส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย)จำกัด บริษัทรับบริหารการขายโครงการเทียร่าฯ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “ดูไบปาล์ม จูมีร่าห์”ซึ่งเป็นเกาะที่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปลักษณ์ของต้นปาล์มอินทผลัม ทั้งนี้การลงทุนในโครงการเทียร่าฯนั้นเป็นการลงทุนโดยกลุ่มชีคจากดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายในโครงการ ประกอบด้วย ส่วนที่พักอาศัยคือ “เทียร่า เรสซิเดนซ์” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 51,400 ตารางเมตร ประกอบด้วย 7 อาคาร สูง 15 ชั้น รวมทั้งชั้นเพ้นท์เฮาส์ แต่ละอาคารประกอบด้วยห้องชุดขนาดใหญ่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 1,200-2,250 ตารางฟุต ราคาขายเริ่มต้นที่ 2-2.3 แสนบาทต่อตารางเมตรหรือเริ่มต้นที่453,000ดอลล่าร์สหรัฐ อีกส่วนจะเป็น “เดอะ อนันตรา ปาล์ม จูมีร่าห์”มีห้องพักจำนวน 224 ห้อง ซึ่งในจำนวนนี้จะมีห้องพักที่เป็นแบบเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ พร้อมเฟอร์นิเจอร์ จำนวน132ห้องขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2550
การนำโครงการมาขายในไทย เนื่องจากเห็นว่าไทยมีนักธุรกิจชาวไทยที่ต้องการบ้านพักตากอากาศในต่างประเทศจำนวนมาก รวมทั้งยังมีนักธุรกิจข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ประกอบกับมองว่าอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศเป็นอย่างมาก อีกทั้งชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจมาลงทุนมาก และเมื่อเทียบกับดูไบถือว่ายังเป็นตลาดที่ใหม่ ยังมีอัตราการเติบโตที่สูง จึงต้องการให้นักลงทุนชาวไทยไปลงทุนมากขึ้น
การมาโรดโชว์ครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังในเรื่องยอดขายมากนัก แต่ต้องการแนะนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองดูไบให้เป็นที่รู้จักสำหรับนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 20% โดยก่อนหน้านี้ได้ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงมาแล้ว และกำลังจะไปโรดโชว์ที่อังกฤษในเร็ว ๆ นี้
สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาด นอกจากจะชูจุดขายในแง่ที่เป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับ 8 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้ว บริษัทจะการันตีรายได้ให้กับลูกค้าปีละ 10% เป็นเวลา 3 ปี โดยบริษัทจะเป็นผู้หาผู้เช่ามาเช่าห้องพักของลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อจะเป็นนักลงทุน ต้องการรายได้มากกว่ามาพักอาศัยเอง
นอกจากนี้ การลงทุนที่ดูไบยังมีข้อดีในแง่ที่ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ในดูไบต่ำกว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงของประเทศใหญ่ๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ อีกทั้งกฎหมายยังเอื้ออำนวยต่อการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ 100% ในบางโซนที่ภาครัฐกำหนดไว้ ทำให้เกิดโอกาสการลงทุนสำหรับบ้านหลังที่สอง หรือหลังที่สาม ของนักลงทุน
|
|
|
|
|