Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2549
Basel II ตัวช่วยบริหารความเสี่ยง             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ จำกัด
โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ เอสเอพี (ไทยแลนด์)
โฮมเพจ ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements - BIS)
Riskmanagement Concepts Systems Homepage

   
search resources

ไทยสงวนวานิช
ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ - BIS
Banking and Finance
ที.เอ็น.อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์, บจก.




แม้เวลานี้อาจยังไม่แน่ชัดว่าจะมีแบงก์ใดบ้างที่จะรับมาตรฐาน Basel II มาเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง แต่สิ่งที่ชัดเจนคือมาตรฐานนี้จะช่วยให้สถาบันการเงินควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น

ปีนี้อาจเป็นเพียงปีเริ่มต้นที่คนทั่วไปจะได้ยินคำว่ามาตรฐาน Basel II ซึ่งเป็นกติกาใหม่ที่กำหนดขึ้นโดยธนาคารเพื่อการชำระบัญชี ระหว่างประเทศ (BIS) เพื่อใช้เป็นเกณฑ์กำกับดูแลคุณภาพลูกหนี้ ในสถาบันการเงิน โดยคาดหมายกันว่า ในปี 2550 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเริ่มนำมาตรฐานนี้เข้ามาใช้กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินในประเทศ

ด้านอัศวิน วราทร กรรมการบริหาร ที.เอ็น.อินฟอร์เมชั่นซิสเท็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บอกว่า มาตรฐาน Basel II นี้ จะเป็นการพลิกโฉมระบบการ บริหารเงินทุน และการจัดการความเสี่ยงของลูกค้าเป็นรายบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินทุน การเพิ่มผลกำไร จากการลดต้นทุนดำเนินงานของธนาคารลง อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ยังจะสามารถตั้งอัตราดอกเบี้ยได้อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง ของลูกค้าที่ไม่เท่ากัน

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ในมาตรฐาน Basel II นี้ จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างเครื่องมืออันซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลประวัติของลูกหนี้ทุกราย ที่อาจต้องย้อนหลังไปราว 3-5 ปี เพื่อนำมาใช้จัดลำดับความเสี่ยงแบบรายตัว และป้องกันความผิดพลาดในการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดกับตัวสถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้

โดยน้ำหนักการบริหารความเสี่ยงนั้น จะถูกถ่วงตาม Guidelines สำคัญใน 3 เกณฑ์ คือ Credit Risk ซึ่งจะมีน้ำหนักสูงสุดถึง 60% ส่วน Operation Risk และ Market Risk นั้น จะถูกถ่วงด้วยน้ำหนักที่ลดหลั่นกันไปคือ 30% และ 10% ตามลำดับ

แต่เงื่อนไขหลายๆ ประการในมาตรฐาน Basel II นี้ ถือว่ามีความผ่อนปรนมากกว่าเงื่อนไขอื่นที่ BIS เคยทำมา เช่น มาตรฐานการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง จากที่ Basel II มุ่งเน้นเรื่องความสมัครใจของแบงก์และสถาบันการเงิน แทนการบังคับให้ทุกแห่งต้องเดินตามกติกาที่ BIS กำหนดขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความต่างของโครงสร้างในระบบการเงินในแต่ละประเทศ

เช่นเดียวกับรายละเอียดตัวปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ซึ่ง BIS ยินยอมให้ธนาคารชาติของแต่ละประเทศกำหนดขึ้นได้เอง บนพื้นฐานที่เหมาะสมกับโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม พฤติกรรมตลาด และวัฒนธรรมการบริโภคของคนในประเทศ

Basel II อาจไม่ใช่แค่ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในระบบสถาบันการเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังถือเป็นอีกความท้าทายสำหรับผู้ให้บริการด้าน IT จากความยุ่งยากในการปรับโครงสร้างฐานข้อมูลเดิมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และฐานข้อมูลใหม่จะมีขนาดที่ใหญ่โตขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแบงก์ที่มีลูกค้ารายย่อยเป็นฐานในการทำธุรกิจ

การขยายระบบเพิ่มเติมแบบนี้ ต้องอาศัย Solution ใหม่ๆ ที่มีจุดเด่นในการทำงานหลากหลายภายใต้ชื่อ Basel II Solution ที่นอกจากจะสามารถบริหารความเสี่ยงที่สลับซับซ้อนได้อย่างเต็มศักยภาพแล้ว ยังต้องวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมการบริหารธุรกรรมแห่งอนาคต อย่าง Securitization ได้

รวมถึงสามารถแสดงรายงานได้ในแบบที่ต้องการ ทั้ง รายงานที่แสดงต่อบุคคลภายนอก และรายงานเพื่อการบริหารงานภายใน ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารมองเห็นทิศทางขององค์กร เพื่อนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงภายใน

ชาย แต่บรรพกุล กรรมการบริหาร ที.เอ็น.อินฟอร์เมชั่นฯ ให้ข้อมูลถึงระยะเวลาการดำเนินการจะยืดยาวเพียงใด ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของฐานข้อมูลประวัติลูกค้าทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่อยู่ในรูปกระดาษ ซึ่งแต่ละแห่งได้เคยบันทึกและจัดเก็บไว้ แต่โดยมาตรฐานในต่างประเทศจะอยู่ที่ 6-9 เดือนสำหรับข้อมูลด้าน Credit Risk และไม่น้อยกว่า 9 เดือนในส่วนที่เป็น Operation Risk

แต่เขาย้ำว่าพวกเขาพร้อมที่จะทำให้บริการ Basel II Solution แบบครบวงจร เพราะก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ตกลงเลือกพันธมิตรทางด้านซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพระดับโลกอย่าง SAP และ RCS จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็น Solution ที่มีส่วนสร้างความสำเร็จให้แก่สถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Com-merzbank, FitchRisk, DaimlerChrysler Bank

"เราหวังว่ามันจะเป็นฐานรายได้ใหม่ของเราในปีนี้ เพราะมีแนวโน้มว่า ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานนี้สำหรับแบงก์ที่ใช้ Basel II จะสูงยิ่งกว่าค่าใช้จ่ายเพื่อยกระดับเทคโนโลยีเสียอีก" ชายกล่าว

บริษัท ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่นฯ บริษัทในเครือไทยสงวนวานิช 2489 จำกัด เคยร่วมงานกับสถาบันการเงินของรัฐในโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ อาทิ โครงการ ปรับปรุงระบบบริหารการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS), ติดตั้งระบบ Core Banking System ในธนาคารกรุงไทย และติดตั้งระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ในธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น โดยรายได้ของทั้งเครือเมื่อปี 2548 มีทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us