|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤษภาคม 2549
|
|
David Perlmutter, Senior Vice President General Manager, Mobility Group จาก Intel Corporation ลงทุนบินมาเมืองไทยเพื่อเข้าร่วมงานแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ "Intel Core Microarchitecture and Mobility Platform" เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมรับฟัง
เนื้อหาของการแถลงข่าวนั้น เป็นการฉายซ้ำทิศทางของการพัฒนาซีพียูหรือชิปรุ่นใหม่ของอินเทลทั้งหมดนับจากนี้ หลังจากที่เคยเผยวิสัยทัศน์เรื่องดังกล่าวไปแล้วกับบรรดาสื่อมวลชนในงาน Intel Developer Forum 2006 หรือ IDF ซึ่งเป็นงานประชุมนักพัฒนาประจำปีของอินเทล
David Perlmutter เปิดเผยเช่นเดียวกันกับผู้บริหารระดับสูงของอินเทลในงานดังกล่าวคือ เน้นย้ำให้เห็นถึง road map ของ อินเทลในการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า
อินเทลได้ประกาศเปิดตัวสถาปัตยกรรมชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของตน ที่เรียกว่า Core ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ชิปรุ่นใหม่ของอินเทลที่จะเปิดตัวใหม่เร็วๆ นี้ มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น ในขณะที่อุปกรณ์ที่ใช้ชิปกลับบริโภคพลังงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มตั้งแต่การเตรียมเปิดตัวชิปสำหรับคอมพิวเตอร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือพีซี ที่มีชื่อหรือโค้ดเนมใหม่ว่า "Conroe" ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นชิปตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานดีกว่า ชิป Pentium 4-40 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกันกับการช่วยประหยัดพลังงานในการประมวลผลได้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน กำหนดการวางตลาดคือไตรมาสสามของปีนี้
รวมถึงการเปิดตัวชิปที่เรียกว่า "Merom" สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่มีประสิทธิภาพในการทำงานดีกว่า Intel Core Duo ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และชิปสำหรับ เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์โค้ดเนม "Woodcrest" ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และประหยัดพลังงานราว 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับชิปรุ่นเก่าก่อนหน้านี้
ความสำคัญของการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ทั้งหมด ไม่ได้เป็นเพียงการหันมาให้ความสำคัญกับสถาปัตยกรรมแบบใหม่ในการพัฒนาชิปให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการที่จะส่งชิปเหล่านั้นลงตลาดเพื่อรองรับการทำงานของระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่จากค่ายไมโครซอฟท์หรือ Windows Vista
ตลอดจนความหวังที่จะให้ชิปรองรับการทำงานใหม่ๆ ของคอนเทนต์ที่จะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในเวลาอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็น เกม, เทคโนโลยีไร้สาย Wi-max, การสื่อสารผ่านเครือข่ายไอพีหรือ VoIP และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด คือการตอบโต้คู่แข่งอย่าง AMD ผู้ผลิต ชิปอันดับสองของโลก ที่นับวันยิ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
|
|
|
|
|