|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กสิกรไทย ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจยังผันผวน ธุรกิจเอสเอ็มอีต้องทำงานหนัก ระบุสินเชื่อเอสเอ็มอียังทรงตัว ลูกค้าหันใช้โอดีเพิ่มมากกว่ากู้ขยายธุรกิจ แต่คาดทั้งปีจะปล่อยกู้เพิ่มได้ 16% พร้อมเดิมสายสร้างความสัมพันธ์และดูแลลูกค้าใกล้ชิดทั่วประเทศ
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงนี้ต้องมีความระมัดระวังในการทำธุรกิจเป็นพิเศษ เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งจากอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง เหตุการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่ลงตัว ในขณะที่ผู้บริโภคในประเทศก็มีการใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากกว่าเดิม ดังนั้นธุรกิจเอสเอ็มอีที่ผลิตสินค้าและบริการที่มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคในประเทศต้องมีการปรับตัว และระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น
สำหรับการปล่อยสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารกสิกรไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2548 โดยลูกค้าจะใช้สินเชื่อเพื่อการหมุนเวียนทางธุรกิจ (โอดี) เพิ่มขึ้นมากกว่าการใช้บริการสินเชื่อเพื่อการลงทุนขยายธุรกิจ เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูของการขยายการลงทุน โดยในช่วงต้นปีของทุกปีจะเป็นช่วงที่ลูกค้าจะทยอยชำระคืนเงินกู้แก่ธนาคาร
อย่างไรก็ตามธนาคารฯ เชื่อว่าตั้งแต่ในไตรมาสสองเป็นต้นไป เมื่อสถานการณ์การเมืองและทิศทางอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีความชัดเจน จะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอี มองหาช่องทางการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งธนาคารกสิกรไทย ก็ได้ตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มียอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปีเพิ่มขึ้นในปี 2549 ประมาณ 16% จากยอดสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2548 ที่ประมาณ 235,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ธนาคาร จะมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อซึ่งจะเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจเอสเอ็มอีในขณะนี้ 2 บริการ คือ สินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกัน (K-Max) สำหรับเอสเอ็มอีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ แต่จะสามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้ถึง 120% ของมูลค่าหลักประกัน และมีประเภทวงเงินกู้ที่หลากหลายตามความจำเป็นของลูกค้าแต่ละราย และสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Klean Credit) สำหรับเอสเอ็มอีที่ยังไม่มีหลักประกัน แต่ต้องการเงินทุนใช้หมุนเวียนทางธุรกิจหรือขยายกิจการ โดยจะได้รับวงเงินสูงสุดถึง 4 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งช่วยให้เอสเอ็มอีมีต้นทุนการเงินที่ถูกลง นอกจากนั้นแล้วธนาคารฯ ยังมีแผนที่จะออกบริการสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีใหม่ๆ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นกลุ่มเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลง นอกจากนั้นยังมีบริการด้านการลงทุนและการบริหารจัดการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ธนาคารมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์และให้คำปรึกษาแก่เอสเอ็มอีในการพัฒนาและปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์การเศรษฐกิจที่เริ่มมีปัจจัยด้านลบเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น รวมทั้งการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่เอสเอ็มอีทั่วประเทศถึง 11 ครั้ง โดยปลายเดือนนี้ ธนาคารฯ และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จะจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจ การทำธุรกิจ รวมทั้งการวางแผนเรื่องภาษีให้แก่ลูกค้าที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง ซึ่งเป็นเขตที่มีธุรกิจเอสเอ็มอีหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยคาดว่าจะช่วยให้ลูกค้าทราบข้อมูล ความรู้ที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปบริหาร กิจการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้
|
|
|
|
|