ผลการดำเนินงานธอส. 3 เดือนแรกกำไรหด 38% เหตุต้นทุนดอกเบี้ยพุ่งประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยกู้ พร้อมดูดเงินฝากลูกค้ารายย่อยเพิ่ม ส่วนยอดขายเอ็นพีเอลดตามภาวะอสังหาฯซบ ไตรมาสแรกขายได้เพียง 546 ล้านบาท
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปี 2549 (มกราคม-มีนาคม)ว่า ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 29,972 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการปล่อยที่ 28,045 ล้านบาท แต่ในด้านของตัวเลขการทำกำไรพบว่า มีผลกำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38% หรือ 538 ล้านบาท โดยมีกำไรเหลือเพียง 880 ล้านบาท จากที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรอยู่ที่ 1,418 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากต้นทุนด้านการเงินของธอส.เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ (สเปรด)แคบลง จากที่เคยอยู่ในระดับ 1.8% เมื่อ 2 ปีก่อนเหลือเพียง 0.8% เท่านั้น ซึ่งปกติจะต้องอยู่ที่ระดับเกินกว่า 1% จึงเป็นอัตราที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธอส.ให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นผู้กู้รายย่อยโดยส่วนใหญ่ในอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได ทำให้ไม่สามารถปรับขั้นอัตราดอกเบี้ยได้ เพราะเป็นการกู้แบบคงที่มีระยะเวลากำหนด
"ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยและการเมืองจะวุ่นวายแต่ยังมีประชาชนมากู้เงินมากขึ้น แต่ในช่วงวันที่ 1-21 เมษายนมียอดมาขอกู้แล้ว 5,244 ล้านบาทคาดทั้งเดือนน่าจะมียอดปล่อยกว่า 7 ,000 ล้าน ซึ่งจะต่ำกว่าเมษายนปีก่อนที่มียอด 9,300 ล้านบาท เนื่องจากผลอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น และราคาน้ำมันที่ตึงตัวมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น 1%ทำให้ต้องเพิ่มภาระการผ่อนต่อเดือนเพิ่มขึ้น 800 บาท" นายขรรค์กล่าว
ที่ผ่านมาธอส.ได้มีการปรับขึ้นเงินฝาก เนื่องจากต้องการรักษาลูกค้าเก่าที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ให้ยังคงเก็บเงินไว้ที่ธอส. เพราะ 35% เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีเงินฝากเกิน 1,000 ล้านบาท หากกลุ่มนี้ถอนเงินออกไปทีเดียวธนาคารต้องหาเงินเข้ามาเพิ่ม ดังนั้นธอส.จึงต้องการดึงลูกค้ารายย่อยเข้ามาฝากเพิ่มขึ้น ซึ่งยอมรับว่าทำได้ยากกว่าแบงก์พาณิชย์อื่น ๆ เนื่องจากมีจำนวนสาขาที่น้อยกว่า ทั้งนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพิ่มขึ้นมายังไม่ส่งสัญญาณอันตราย เพราะเอ็นพีแอลยังปกติโดยอยู่ที่ 6% จาก 9.11% ส่วนเป้าการปล่อยกู้ในปีนี้อยู่ที่ 115,000 ล้านบาท
"เราเสียเปรียบแบงก์พาณิชย์ เพราะเขาไปปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูงในธุรกิจเช่าซื้อและรถยนต์ ทำให้สามารถให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงได้ ขณะที่ธอส.เป็นผู้ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ดังนั้นการให้ดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราสูงจึงทำได้ลำบาก " นายขรรค์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 489,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.83% โดยไตรมาสแรกของปี 2549 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงถึง 29,972 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 47,354 ราย ซึ่งเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ตลอดปี 2549 ตามเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ที่ 115,000 ล้านบาท ด้านเงินฝาก ธนาคารมียอดเงินฝากรวมทั้งสิ้น 365,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.71%
ส่วนสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 523,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68,440 ล้านบาท หรือ 15.03% เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 9.03% หลังจากที่ธนาคารได้นำกำไรสุทธิหลังนำส่งกระทรวงการคลังมารวมแล้ว โดยมีหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ลดลง 3.11% คงเหลือ 6.0% ของยอดสินเชื่อรวม หรือ 29,371 ล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ในไตรมาสแรกได้จำนวน 546 ล้านบาท คงเหลือ 8,887 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 799 ล้านบาท
อนึ่ง ตามข้อมูลผลการขายNPA ในระยะเวลา 5 ปี( ปี 2544-2548) เปรียบเทียบกับNPA ที่ได้มาระหว่างปี มีการเคลื่อนไหวดังนี้ สามารถขายNPA ได้จำนวน 278 ล้านบาท , 1,960 ล้านบาท , 2,895 ล้านบาท ,3,638 ล้านบาท และปี 2548 ทำได้จำนวน 3,534 ล้านบาท
|