วีนิไทย อนุมัติแผนเพิ่มกำลังการผลิตพีวีซีอีก 7 หมื่นตันต่อปี ด้วยเงินทุนกว่า 840 ล้านบาท คาดเริ่มทำการผลิตได้ตั้งแต่ก.ค.ปี 2551 ส่งผลให้กำลังการผลิตพีวีซีเพิ่มเป็นปีละ 2.8 แสนตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ด้านผู้บริหารมั่นใจรั้งตำแหน่งผู้นำธุรกิจในภูมิภาค หลังเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้
นายกุนเธอร์ วิลแฮล์ม นาโดนี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2006 มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มกำลังการผลิตพีวีซีในโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอีก 70,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 210,000 ตันต่อปี เป็นกำลังการผลิตพีวีซีทั้งสิ้น 280,000 ตันต่อปี ซึ่งจะใช้งบการลงทุนจากเงินที่ได้จากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 840 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในกลางปี 2549 นี้ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตพีวีซีได้ในเดือนกรกฎาคม 2551
การเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว เมื่อรวมกับข้อตกลงในลักษณะ Tolling Agreement กับบริษัท เอเพ็ค ปิโตรเคมีคอล จำกัด ที่บริษัทจะซื้อพีวีซีจากบริษัท เอเพ็คฯ กลับมาจำนวน 48,000 ตันต่อปี ทำให้พีวีซีทั้งหมดที่มีจะรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ และสามารถเพิ่มการขายผงพลาสติกพีวีซีในตลาดส่งออก ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้สภาพการแข่งขันในปัจจุบัน
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานเพิ่มกำลังการผลิตนั้น บริษัทจะต้องเดินเรื่องขออนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รวมทั้งผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลที่ดูแลด้านสภาพแวดล้อมคณะกรรมการของบริษัท
"ผมเชื่อว่าการเพิ่มกำลังการผลิต จะส่งเสริมให้บริษัทดำรงความเป็นผู้นำในธุรกิจทั้งในประเทศและในภูมิภาค อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย"
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการลาออกของนายอาลอยซีอูส มิคีลเซ่น กรรมการบริษัท และแต่งตั้ง นายแอนดรูร์ ลิโอนาร์ด คัมมิ่ง เป็นกรรมการแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2549 เป็นต้นไป รวมทั้งมีการแก้ไขกรรมการที่มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการ
บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตพลาสติกไวนิลที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีการผลิตพีวีซีแบบครบวงจร โดยมีกำลังการผลิตพีวีซี 210,000 ตันต่อปี และใน 2548 บริษัทได้เริ่มดำเนินการโครงการขยายกำลังการผลิตสำหรับการผลิตวีซีเอ็ม จากปัจจุบันที่ 200,000 ตันต่อปี เป็น 400,000 ตันต่อปี
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ขยายการผลิตของคลอรีนและอีดีซี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตวีซีเอ็มเพื่อให้การขยายกำลังการผลิตมีลักษณะการผลิตที่ครบวงจร โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตของคลอรีนจากปัจจุบันที่ 120,000 ตันต่อปี เป็น 240,000 ตันต่อปี และสำหรับอีดีซีจาก 160,000 ตันต่อปี เป็น 320,000 ตันต่อปี การขยายกำลังการผลิตดังกล่าวจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์โซดาไฟ ซึ่งปัจจุบันบริษัทผลิตได้ 133,000 ตันต่อปี เป็น 266,000 ตันต่อปี โดยบริษัทสามารถจะเริ่มต้นผลิตจากกำลังการผลิตส่วนเพิ่มได้ในปลายปี 2549
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (25 เม.ย.) มีปริมาณการซื้อขาย VNT เข้ามาไม่มากนัก สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงจากราคาปิดครั้งก่อน โดยมีราคาสูงสุดที่ 9.85 บาท ต่ำสุดที่ 9.75 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 9.80 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.05 บาท หรือคิดเป็น 0.51% มูลค่าการซื้อขายรวม 8.69 ล้านบาท
|