Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 เมษายน 2549
4เดือนราคาทองพุ่ง10% ขอโขกกำเหน็จซ้ำ100บ.             
 


   
search resources

จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี
Jewelry and Gold




ราคาทองพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนเมษายนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.94% สมาคมทองคำบ่นอุบยอดขายวูบ 30-40% ช่างทองเริ่มเตะฝุ่นร้านทองไม่ส่งออเดอร์ เล็งโชกค่ากำเหน็จเพิ่มอีก 100 บาท จาก 300 บาท เป็น 400 บาท แถมปรับสูตรกำหนดราคารับซื้อคืนใหม่จากเดิมไม่ต่ำกว่า 100 บาท เป็นราคารับซื้อคืนขั้นต่ำกว่า 1.45% อ้างป้องกันความผันผวนการขึ้น-ลงของทองคำในตลาดโลก ชี้ในระยะสั้นมีโอกาสเห็นทองคำทะลุ 12,000 บาท ก่อนทะยานแตะ 15,000 ในปีหน้า

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ทะยานตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายทองคำภายในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 30-40% ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์การจ้างงานช่างทองลดลงตาม ซึ่งขณะนี้ช่างทองบางส่วนเริ่มว่างงาน เนื่องจากยอดขายทองที่ตกลง ส่งผลให้ออเดอร์ลดลงตาม และมีช่างทองบางส่วนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เริ่มกลับไปภูมิลำเนาเนื่องจากไม่มีงานทำ

สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกวานนี้ (25 เมษายน) ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงประมาณ 11 ดอลลาร์สหรัฐ โดยลดลงมาเหลือ 623 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อเทียบกับวันก่อน

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งและรูปพรรณในประเทศ จากข้อมูลของสมาคมค้าทองคำ พบว่า ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 25 เม.ย. ราคาทองคำแท่งและราคาทองคำรูปพรรณได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10.94%

โดยราคาทองคำแท่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2548 ราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 9,950 บาท ขายออก 10,050 บาท ขณะที่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนอยู่ที่ 11,050 บาท และราคาขายออก 11,450 บาท ส่วนราคาทองคำรูปพรรณ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2548 ราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 10,930.36 บาท และราคาขายออก 11,450 บาท

"ราคาทองคำในตลาดโลกที่มีความผันผวน บางวันขึ้นลงถึง 4 ครั้ง ส่งผลให้เรามีความจำเป็นต้องปรับวิธีการคำนวณราคารับซื้อคืนทองคำใหม่ เพราะในช่วงก่อนหน้าสูตรที่กำหนดไว้ราคาขายกับราคารับซื้อคืนห่างกันประมาณ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับต้นทุน" นายจิตติกล่าว

สำหรับสูตรใหม่ในการคำนวณราคารับซื้อทองคำ และราคาขายออกที่สมาคมค้าทองคำเตรียมปรับใหม่ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 100 บาท จะปรับเปลี่ยนมาเป็นราคารับซื้อคืนต้องไม่ต่ำกว่า 1.45% ของราคาขายทองคำแท่ง ซึ่งจุดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ค้าทองคำให้สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริง และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่หวือหวาของราคาทองคำ และเชื่อว่าสูตรใหม่นี้จะส่งผลดีกับผู้บริโภค เพราะหากราคาทองคำปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10,000 บาท ราคารับซื้อคืนจะมีส่วนต่างไม่ถึง 100 บาท อย่างไรก็ตาม หากปรับสูตรใหม่เชื่อว่าราคารับซื้อคืนจะมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นจาก 100 กว่าบาท เป็นประมาณ 130 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาขาย

นายจิตติ กล่าวว่า การกำหนดสูตรราคารับซื้อทองคำ ที่กำหนดส่วนลดขั้นต่ำไว้ที่ 1.45% เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากนัก เนื่องจากหากเปรียบเทียบกับราคารับซื้อคืนและราคาขายในต่างประเทศ ถือราคาทองคำของไทยต่ำกว่า โดยในต่างประเทศราคาขายทองคำจะสูงกว่าราคาอ้างอิงประมาณ 10% ขณะที่ราคารับซื้อจะถูกกว่าราคาอ้างอิงสูงถึง 10%

ขณะเดียวกันในเดือนพฤษภาคม สมาคมค้าทองคำจะปรับเพิ่มค่ากำเหน็จ เพิ่มจากเดิมคิดค่ากำเหน็จในอัตราขั้นต่ำ 300 บาท ต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงและช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับช่างทองคำที่มีออเดอร์ลดลง

นายจิตติ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงไตรมาสสองว่า คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยระยะสั้นเชื่อว่าราคาทองคำจะมีโอกาสทะลุ 12,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท (15.2 กรัม) เนื่องจากมีการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า ของกองทุนเก็งกำไร

นอกจากนี้ ยังมีบทวิเคราะห์ระบุว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า ราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสทะยานไปแตะที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสแตะ 15,000 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us