ค่ายพานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ เปิดศึกตลาดสุขภาพ ลงลุยตลาดเก้าอี้นวด หลังทำตลาดมานานสิบปีแบบเรื่อยๆ ส่ง "Panasonic Pro X EP3510K" ลงแข่ง เน้นกลุ่มกระเป๋าหนัก มั่นใจขึ้นเป็นเบอร์ 2 ได้ใน 3 ปี เผยเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงามมากขึ้น มั่นใจสิ้นปีเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
นายโมโตยูกิ ชิเงโมริ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการที่ผู้บริโภคคนไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงกระแสสปาที่มีการเติบโตกว่า 60% ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯมีแผนในการเข้าสู่ตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทสุขภาพและความงามมากขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดดังกล่าว
ล่าสุดบริษัทฯเตรียมเปิดตัวเก้าอี้นวด รุ่น Pro X ERP3510 K ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนขึ้นไป คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้กว่า 150 เครื่องในปีนี้
สำหรับผลิตภัณฑ์เก้าอี้นวด บริษัทฯ มีวางจำหน่ายในประเทศไทยมากว่า 10 ปี นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นฐานผลิตใหญ่ และในญี่ปุ่นเองก็ทำตลาดมานานกว่า 30 ปีแล้วและปัจจุบันขึ้นเป็นผู้นำตลาด แต่ในปีนี้บริษัทฯจะรุกตลาดในไทยมากขึ้น โดยได้นำเอาเก้าอี้นวด รุ่น Pro X ERP3510 K มาทำตลาดในครั้งนี้ ในราคาเครื่องละ 299,000บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบน ทั้งในกลุ่มเพิ่มทดลองใช้ และกลุ่มที่ใช้มานานแล้ว โดยจะจำหน่ายผ่าน บริษัท วงษ์อินเวชั่น จำกัด ไปยังร้านค้าโมเดิร์นเทรดต่างๆ รวมไปถึงช่องทางการจำหน่ายในร้านกีฬา เช่น Super Sport และ Sport World เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทฯได้วางงบทางการตลาดครั้งนี้ไว้กว่า 10% ของยอดขายที่ตั้งไว้ มั่นใจว่าในอีก 3 ปี จะขึ้นเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มตลาดบนได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มีการศึกษาตลาดในรุ่นที่มีราคาต่ำลงมาอยู่ แต่ทั้งนี้บริษัทฯจะไม่ลงมาเล่นในกลุ่มตลาดล่างที่มีราคาตั้งแต่ 50,000 บาทลงมาอย่างแน่นอน เนื่องจากการที่บริษัทฯเข้ามารุกตลาดในครั้งนี้ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์มากกว่า คาดว่าหลังจากเปิดตัวเก้าอี้นวดในรุ่นดังกล่าวประมาณ 3-4 เดือน จะมีวางจำหน่ายเพิ่มอีก 1 รุ่นเป็นอย่างน้อย โดยมีระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน
ปัจจุบันมูลค่ารวมตลาดเก้าอี้นวดมีกว่า 400 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดบน 20% ราคาจำหน่าย 2 แสนบาทขึ้นไป ตลาดกลาง 40% ราคาจำหน่าย 50,000-200,000 บาท และตลาดล่าง 40% ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 50,000 บาทลงมา โดยมีเก้าอี้ Rester ครองแชมป์อันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาด 45% อันดับสองคือ OSIM แชร์ 20% อันดับสามด้วย Fuji Ryopi มีแชร์ 15% ทั้งนี้คาดว่าผู้จำหน่ายส่วนใหญ่จะหันมาจับตลาดล่างมากขึ้น ดังนั้นคาดว่าในระยะ 2-3 ปีนี้ ตลาดจะเติบโตเพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ปริมาณแล้วจะสูงขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนในการจำหน่ายสินค้าใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงามอีก เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องนวดหน้า เครื่องช่วยเผาผลาญพลังงาน เครื่องวัดความดัน เครื่องนวดแบบพกพา มั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามจากเดิมที่มีรายได้อยู่ที่ 3% เพิ่มเป็น 15% ให้แก่บริษัทฯ และในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ได้เช่นเดียวกับปี 2548 ที่ปิดยอดรายได้ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมากว่า 6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากปี 2547 โดยสินค้าหลักที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเติบโต คือ สินค้าในครัวเรือน เช่น แอร์ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า
|