กฤษฎีกาตีความแล้ว กฟผ.ต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ คงเดิมเสมือนหนึ่ง บมจ.กฟผ.ไม่ได้เกิดขึ้น สัญญาใดๆ ที่ดำเนินการระหว่าง เป็นบริษัทไม่ถือว่าเป็นโมฆะและสามารถโอนมาดำเนินการต่อในฐานะเป็น รัฐวิสาหกิจได้ บอร์ด กฟผ.มีผลต้องปรับใหม่ 2 ตำแหน่ง ขณะที่การแปรรูป จะขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ตัดสินใจดำเนินการและต้องนับหนึ่งใหม่หมด

นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ส่งผลการตีความตามที่ กฟผ.ได้ยื่นเรื่องขอให้พิจารณาสถานะ บทบาท หน้าที่ ตลอดจน การทำธุรกรรมต่างๆในระหว่างที่เป็นบริษัทมหาชนว่าจะต้องมีอันโมฆะหรือไม่อย่างไร นั้นปรากฏว่ากฤษฎีกาได้ระบุว่า กฟผ.จะต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจคงเดิมทันที โดยถือว่าบริษัท กฟผ. จำกัด(มหาชน) มิได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด

สำหรับการทำธุรกรรมใดๆในระหว่างที่เป็นบริษัทมหาชน ก็สามารถดำเนินการต่อไปเมื่อกลับมาเป็น กฟผ.แล้ว ไม่ถือเป็น โมฆะแต่อย่างใดโดยถือว่าที่ดำเนินการไปก่อนหน้านั้นได้เป็นการกระทำภายใต้ กฟผ.ที่เป็น รัฐวิสาหกิจ อย่างไรก็ตาม กฟผ. จะสามารถเดินหน้าการแปรรูปเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไปได้หรือไม่อีกนั้นอยู่ที่นโยบายรัฐบาลใหม่เป็นสำคัญ ซึ่งหากแปรรูปต่อไปขั้นตอนการดำเนินงานก็จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด

นายไกรสีห์กล่าวว่า ทางด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ผู้บริหาร โดยเฉพาะการว่าจ้างตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน(ซีเอฟโอ) ซึ่งเป็นคนนอกนั้น ก็ยังสามารถปฏิบัติงานได้ตามเดิม เพราะไม่ได้ว่าจ้างเพื่อรองรับการแปรรูป แต่มีความจำเป็นต้องได้บุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านการเงินจริงๆ นอกจากนี้ในส่วนของคณะ กรรมการ กฟผ.(บอร์ด กฟผ.) คงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยกชุดเพราะส่วนหนึ่งมาจากบอร์ดเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะต้องเปลี่ยนเพียง 2 ตำแหน่ง คือ นายศานิต ร่างน้อย รองปลัดกระทรวงการคลัง และ นางเกศินี วิฑูรย์ชาติ คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

" กฟผ.ก็ต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนเดิมเสมือน หนึ่ง บมจ.กฟผ.ไม่ได้เกิดขึ้น การทำสัญญาใดๆก็ตามในระหว่าง ที่แปรรูปก็สามารถโอนมาเป็น กฟผ.ได้ทั้งหมด แต่จากนี้ไปอะไรที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็จะต้องดำเนินการตามนั้นเหมือนรัฐวิสาหกิจทั่วๆ ไป ส่วนการถือหุ้นของพนักงานขณะนี้ก็คืนเงินทั้งหมดไปแล้วคลังก็ถือหุ้น 100% เหมือนเดิม" นายไกรสีห์กล่าว

นายวีรพล จีรประดิษฐ์กุล กรรมการในคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้าหรือ Regulator กล่าวว่า วันที่ 27 เม.ย.นี้จะมีการประชุม Regulator ที่มีนาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการจัดทำแผนพัฒนา กำลังไฟฟ้าหรือ PDP ฉบับใหม่หลังจากมีการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าแล้วซึ่งในปี 2559 ประเมินว่าความต้องการใช้ไฟจะอยู่ที่ราว 38,241 เมกะวัตต์ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมประมาณ 12% โดยคิดจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2550-2554 เฉลี่ย 4.5% และเศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 5.5% ซึ่งในส่วนของสำรองไฟฟ้าปีนี้เหลือ 20% ซึ่งถือว่าปริมาณค่อนข้างสูง