|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.พรีมาเวสท์ซุ่มเข็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ประเภทโรงแรมเข้าระดมทุนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดปลุกตลาดพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์คึกคัก หลังประเมินธุรกิจโรงแรมในปีนี้อนาคตสดใส คาดนักลงทุนให้การตอบรับ เนื่องจากมีศักยภาพสูง อัตราการเข้าพักสูง
ผู้จัดการกองทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแห่งหนึ่งประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ในปีนี้มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการนำกองทุนอสังหาริมทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 6 กองทุน มีมูลค่าทั้งสิ้น 17,177 ล้านบาท ส่งผลให้มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 8 กองทุน มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
"ในปีนี้คาดว่าจะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน จากที่ก่อนหน้ากองอสังหาฯที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นออฟฟิศ ศูนย์การค้า โรงงานอุตสาหกรรม โครงการบ้านจัดสรร"
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีบลจ. 5 แห่งที่จัดตั้งกองทุน ประกอบด้วย บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) 3 กองทุนคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน โดยทั้งสองกองทุนเป็นกองทุนประเภทโรงงานอุตสาหกรรม และ 3.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ
ขณะที่บลจ.วรรณ มี 2 กองทุนคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก และกองทุนรวอสังหาริมทรัพย์ มิลเลี่ยนแนร์ บลจ.ยูโอบี (ไทย) มี 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อพาร์ทเมนท์หนึ่ง บลจ.ทหารไทย มี 1 กองทุนคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท และบลจ.เอ็มเอฟซี มี 1 กองทุนคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ MFC นิชดาธานี
รายงานข่าวกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีหลายบลจ.ที่เตรียมนำกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรูปแบบของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยล่าสุดมีรายงานว่า ในส่วนของบลจ.พรีมาเวสท์ เตรียมนำกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งผู้จัดการกองทุนประเมินว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้บลจ.พรีมาเวสท์ตัดสินใจนำกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมออกมานำเสนอให้กับนักลงทุน เนื่องจากประเมินว่าธุรกิจโรงแรมที่นำมาตั้งกองทุน มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก็อยู่ในสัดส่วนสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาแม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตอย่างกรณีที่โรคซาร์ส แพร่ระบาด แต่โรงแรมดังกล่าวอัตราการเช่าพักยังอยู่ในสัดส่วนสูง และได้รับผลกระทบน้อยมาก เมื่อเทียบกับโรงแรมแห่งอื่น ดังนั้น จึงเชื่อว่านักลงทุนจะให้การตอบรับ
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ในปีนี้ น่าจะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนสูงกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีมูลค่าการระดมทุนสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของบลจ.ทหารไทย ในปีนี้ เตรียมจัดตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ให้กับเครือเมเจอร์ในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่าโครงการประมาณ 2-3 พันล้านบาท และโครงการของเครือ CPN ประมาณ 6 พันล้านบาท
ขณะที่อาคารสำนักงานคิวส์เฮาส์ ลุมพินี ของบริษัทควอลิตี้เฮาส์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาท ก็จ่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกบลจ.ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดตั้งกองทุน
ส่วนบลจ.พรีมาเวสท์ นอกเหนือจากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมที่มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 5 พันล้านบาท ก็ได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการ เพื่อนำโครงการอาคารสำนักงานมูลค่าโครงการประมาณ 1 พันล้านบาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังเช่นเดียวกัน
สำหรับบลจ.นครหลวงไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการ เพื่อนำโครงการชอปปิ้งมอลลล์ มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่บลจ.เอ็มเอฟซี อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อนำศูนย์การค้า และออฟฟิส มูลค่าโครงการละ 1 พันล้านบาท เข้าจดทะเบียน
ส่วนบลจ.ไอเอ็นจี มีแผนนำสินทรัพย์ประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์,หอพักนักศึกษา,เพิ่มทุนกองเก่า มูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท เพื่อจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 5% และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 8%
|
|
|
|
|