อีลิท การ์ด ควัก 100 ล้านบาท จัดงบประชาสัมพันธ์องค์กรเริ่มมิถุนายนนี้ หวังสร้างการรับรู้คนไทยให้เข้าใจการทำงานขององค์กร หลังที่ผ่านมาถูกสื่อประโคมข่าวจนเสียภาพลักษณ์ ด้านผลประกอบการไตรมาแรก พลาดเป้า ได้ยอดสมาชิกใหม่เพียง 300 ราย จากเป้าหมาย 500 ราย ระบุการเมืองเป็นเหตุ

แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนจัดสรรงบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ มีวัตถุปกระสงค์เพื่อต้องการให้คนไทยได้รับรู้การทำงานของอีลิท การ์ด และรู้จักอีลิท การ์ด ให้มากขึ้น โดยการประชาสัมพันธ์ครั้งนี้จะทำผ่านสื่อต่างๆ อาทิ วิทยุ โทรทัศน์ แมกกาซีน และ ป้ายบิลบอร์ด ต่างๆ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายนศกนี้

สำหรับการจัดสรรงบครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทมาที่เราจะเริ่มทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้องค์กรให้กับตลาดในประเทศ โดยสิ่งที่จะประชาสัมพันธ์ คือ ข้อมูลของโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เช่น บัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ดคืออะไร ประโยชน์ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับจากโครงการนี้ เป็นต้น

ทั้งนี้จากข่าวสารต่างๆที่ออกผ่านสื่อ อาจทำให้หลายคนเข้าใจไม่ถูกต้องนัก จนได้ฉายาว่าเป็นบัตรเทวดา ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะเราเพิ่งก่อตั้งบริษัท และ บัตรอีลิท ถือเป็นสินค้าใหม่ ที่ยังไม่เคยมีประเทศใดทำมาก่อน ดังนั้นหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆอาจยังไม่ลงตัว แต่ตอนนี้ เราเชื่อว่า หลายหลักเกณฑ์ได้ข้อสรุป และมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนแล้ว เราพร้อมที่จะสร้างความเข้าใจ เพราะโครงการนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลทั้งจากการท่องเที่ยว การลงทุน และรายได้จากการขายบัตร ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน และกระจายรายได้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการขณะนี้คือ เตรียมเปิดประมูลให้กับบริษัทเอเจนซีที่สนใจ นำรายละเอียดและแนวคิดมานำเสนอ ซึ่งการพิจารณา จะดูจากการนำเสนอแนวคิด ตลอดจนผลงานของบริษัทเอเจนซีที่ผ่านมาด้วย เพื่อให้แน่ใจ โดยขณะนี้มีผู้มายื่นความจำนงแล้ว 3-4 ราย ซึ่งในส่วนของตลาดต่างประเทศ ยังคงเน้นการออกเดินสายโรดโชว์ ในประเทศเป้าหมาย และประเทศที่มีตัวแทนขายแล้วอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมิถุนายนนี้ จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย

การเมืองกระทบไตรมาสแรกยอดขายพลาดเป้า

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ มียอดสมาชิกสมัครใหม่เพียง 300 ราย ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะต้องสร้างสมาชิกใหม่ให้ได้ไตรมาสละ 500 ราย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศในช่วงที่ผ่านมาด้วย ตรงนี้อาจส่งผลกระทบถึงไตรมาสที่2 ที่อาจทำให้ผลประกอบการอาจจะไม่ดีอีกเช่นเคย เพราะมีลูกค้าหลายรายที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจ ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม หรือถามจากตัวแทนจำหน่าย ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจอย่างชัดเจน

โดยเหตุผลเพราะโครงการนี้ ถือเป็นความคิดริเริ่ม ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ดังนั้นลูกค้าจึงคิดว่า หากมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี จะทำให้โครงการนี้ต้องล้มเลิกไปด้วยหรือไม่ ซึ่งบริษัทฯก็ได้ชี้แจงให้ลูกค้าคลายความกังวลแล้ว ตลอดจนชี้แจงให้ตัวแทนขายเข้าใจตรงกันด้วย ดังนั้นตอนนี้บริษัทฯจึงมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับสถานการณ์ด้วย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทมีการการปรับแผนการตลาดมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรก เมื่อปีก่อน เป็นการปรับครั้งใหญ่ คือการปรับจากแพกเกจเดียว เป็น 3 แพกเกจ พร้อมทั้งมีค่าธรรมเนียมรายปี และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ปรับเป็นขายแพกเกจเดิมก่อนแล้วจึงให้ลูกค้าเลือกใน 3 แพกเกจดัง กล่าวทีหลัง ตลอดจนจัดโครงการตัวแทนจำหน่ายใหม่ โดยแบ่งขั้นตอนให้มีผู้ดูแลระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้การทำงานเป็นระบบคล่องตัวและไม่ทับซ้อน