หากจะมองภาพรวมของธุรกิจด้านอาหารซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลแล้ว กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลา
3-5 ปีที่ผ่านมา "ฟาสต์ฟูด" จัดเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่ดึงดูดให้บรรดานักธุรกิจหลายแขนงต่างเสาะแสวงหาฟาสต์ฟูดอินเตอร์แบรนด์เข้ามาชิมลางกันอย่างต่อเนื่อง
โดมิโนพิซซ่า แฟรนไชส์ฟาสต์ฟูดประเภทพิซซ่าชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำเข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยโดยกลุ่มมอนเทอเรย์
หรือแม้แต่ป๊อปอายส์ ฟาสต์ฟูดประเภทไก่ทอดชื่อดังจากแหล่งเดียวกันที่ตระกูลหงษรานนท์นำเข้ามาชิมลาง
นับเป็นภาพตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของบรรดากลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ที่สบช่องในธุรกิจประเภทนี้
"ทาโก้ ไทม์" ฟาสต์ฟูดลูกผสมระหว่างอเมริกันสไตล์และเม็กซิกันจากเมืองลุงแซม
ซึ่งเปิดตัวเข้าสู่เมืองไทยสาขาแรกที่สยามสแควร์ซอย 3 โดยบริษัทเบญจพืช 1
ใน 5 ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย ก็เป็นอีก 1 ในกลุ่มธุรกิจที่มองเห็นโอกาสแจ้งเกิดในธุรกิจนี้
"ตอนที่เราตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจนี้เพราะเราเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต
ก็เลยอยากจะทำ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะต้องลงทุนระยะยาว" พัชนี เบญจอาธรศิริกุล
กรรมการผู้จัดการบริษัท เวิลด์ ทาโก้ จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ฟาสต์ฟูดทาโก้
ไทม์ กล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันในตลาดฟาสต์ฟูดกับ "ผู้จัดการ"
บริษัท เวิลด์ ทาโก้ ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยปัจจุบันแยกการทำงานออกมาจากบริษัทเบญจพืช
ซึ่งทางวิชาญ บุศราวงศ์ บิ๊กบอสของตระกูลได้มอบหมายให้พัชนี ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลเข้ามาดูแล
โดยก่อนหน้าการขยายเข้าสู่ธุรกิจฟาสต์ฟูด ทางเบญจพืชก็ขยายบทบาทธุรกิจในตระกูลด้วยการนำน้ำผลไม้ยี่ห้อเอลิซ่าเข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้
พัชนีกล่าวถึงเบื้องหลังการตัดสินใจเลือกฟาสต์ฟูดประเภทนี้เข้าเปิดตัวในตลาดเมืองไทยเป็นเพราะเห็นว่า
ไม่ว่าจะเป็นฟาสต์ฟูดประเภทไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่าต่างมีผู้นำจับจองพื้นที่แล้วทั้งสิ้น
แต่สำหรับทาโก้ ไทม์ ซึ่งเป็นอาหารในสไตล์อเมริกันผสมแม็กซิกันนั้น ในประเทศไทยแล้วยังไม่มีคู่แข่งในตลาดอย่างแท้จริง
"ตอนเลือกเราดูอยู่หลายตัว แต่ก็มาสรุปที่ทาโก้ ไทม์ กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาติดต่อเกือบ
2 ปี เพราะทางบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จะใช้เวลาสกรีนค่อนข้างมากก่อนที่จะให้ลิขสิทธิ์มา"
พัชนีกล่าว โดยนอกเหนือจากการได้ลิขสิทธิ์การทำตลาดทาโก้ ไทม์ในประเทศไทยแล้ว
บริษัท เวิลด์ ทาโก้ จำกัดยังได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงอีกด้วย
วิธีการเลือกฟาสต์ฟูดเข้ามาเปิดตลาดของพัชนี เธอกล่าวว่าในช่วงนั้นคนในครอบครัวต่างเดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่นเพื่อไปชิมโดยเฉพาะ
และสมาชิกในตระกูลต่างเห็นพ้องต้องกันว่าทาโก้ ไทม์เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นฟาสต์ฟูดแบรนด์แรกของเบญจพืชในการเข้าสู่ตลาดนี้
ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 1. เป็นอาหารอินเตอร์แบรนด์ที่มีรสชาติใกล้เคียงกับลิ้นคน
และ 2.ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดโดยตรง
ทาโก้ ไทม์ นับเป็นฟาสต์ฟูดอินเตอร์แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา
มีอายุในตลาดนานร่วม 40 ปี ขณะนี้มีสาขาอยู่ประมาณเกือบ 500 แห่ง โดยมีคู่ขับเคี่ยวที่สำคัญ
คือทาโก้เบลล์ ปัจจุบันนอกจากญี่ปุ่นแล้วไทยจัดเป็นประเทศที่ 2 ในย่านเอเชียที่ทางทาโก้
ไทม์ขยายเครือข่ายเข้ามาเปิดตลาด
หากจะนับไปแล้วพัชนีนับเป็นมือใหม่ในวงการฟาสต์ฟูด ซึ่งประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารเลย
กล่าวคือหลังจากจบการศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพัชนีเริ่มต้นทำงานที่โรงแรมโอเรียนเต็ลได้ระยะหนึ่ง
เธอก็ตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโทด้านบริหารต่อที่สหรัฐอเมริกาและกลับมาเริ่มงานที่เคหะแห่งชาติได้ปีกว่า
จึงลาออกและไปทำงานอยู่ที่บริษัทอาซาฮีโดยใช้เวลาทำงานอยู่ที่นี่ถึง 12 ปีจึงตัดสินใจลาออกมาช่วยกิจการครอบครัวด้วยการเข้ารับหน้าที่ดูแล
ทาโก้ ไทม์
"อยากทำอะไรที่ตื่นเต้น เราคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารทำให้เราเห็นโอกาส
เราคิดว่าเรามีประสบการณ์ มีสายป่านด้านการเงิน และที่สำคัญเรามีความสนใจก็เลยเข้ามาในธุรกิจนี้"
พัชนีกล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับยืนยันว่าผลการดำเนินงานของ ทาโก้ ไทม์ในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ถึงแม้จะมีสาขาที่เปิดบริการในขณะนี้อยู่เพียง
2 แห่งก็ตาม
ปัจจุบันร้านทาโก้ ไทม์เปิดบริการ 2 สาขาคือที่สยามสแควร์และสาขาสุขุมวิท
ที่บางกะปิพลาซ่า โรงแรมแอมบาสเดอร์ โดยมีแผนที่จะขยายสาขาให้ครบ 5 แห่งภายในเวลา
2-3 ปี ซึ่งโลเกชั่นที่ทางเวิลด์ ทาโก้ สนใจก็คือพื้นที่บริเวณสีลม พัทยา
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และพื้นที่ในเขตใจกลางเมือง
สำหรับการเปิดตัวในตลาดเมืองไทยพัชนีวางกลุ่มเป้าหมาย คือคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน
นักศึกษา ซึ่งในช่วงนี้เธอกล่าวว่าเนื่องจากทาโก้ ไทม์ ยังเปรียบเสมือนน้องใหม่
ดังนั้นแผนการตลาดจะเน้นหนักไปที่การสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักเสียก่อน
โดยวางแผนระยะยาวว่า หากทาโก้ ไทม์ขยายสาขาครบ 5 แห่งก็จะเน้นทำตลาดแบบแมสมาร์เกต
ด้วยการตอกย้ำชื่อทาโก้ ไทม์ตามสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ขณะเดียวกันก็จะเริ่มขายซัปแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจทั่วไป
"หน้าที่หลักตอนนี้ก็คือเน้นสร้างชื่อให้ผู้บริโภครู้จัก และการมองหาโลเกชั่นดี
ๆ เพื่อยึดพื้นที่ที่เราคิดว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ให้ได้เสียก่อน โดยในปีหน้าเราจะเริ่มนำรูปแบบการขยายสาขาแบบคีออสและดิลิเวอรี่มาใช้ด้วย"
พัชนีกล่าว
การเดินเกมโดยเน้นสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จัก และเร่งขยายสาขาตามพื้นที่สำคัญนอกเหนือจากจะเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจฟาสต์ฟูดทั่วไปใช้เป็นกลไกสำคัญแล้ว
เบื้องลึกอีกเหตุผลก็คือการชิงลงหลักปักฐานเพื่อสร้างความได้เปรียบก่อนที่คู่แข่งรายสำคัญอย่างทาโกเบลล์
ซึ่งกล่าวกันว่ากำลังมีแผนที่จะเข้ามาเปิดตัวในไทยในปีหน้าอย่างแน่นอนนั่นเอง
แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในธุรกิจฟาสต์ฟูด แต่ในวันนี้ดูเหมือนคนในครอบครัวของเบญจพืช
จะเริ่มหลงไหลกับธุรกิจนี้เสียแล้ว
เพราะในขณะที่พัชนีกำลังนั่งวางแผนสร้างความสำเร็จให้กับฟาสต์ฟูดสไตล์ลูกผสมระหว่างอเมริกันและเม็กซิกัน
โดยมีเป้าหมายคือการผลักดันให้ก้าวขึ้นเป็น NUMBER ONE ในอนาคตให้จงได้แล้ว
เธอก็ยังแอบแย้มพรายให้ฟังว่า ขณะนี้กำลังเริ่มมองหาฟาสต์ฟูดตัวใหม่เข้ามาเปิดตลาดอีก
เหตุผลก็เพราะยังมีฟาสต์ฟูดอีกมากที่ยังพอมีช่องว่างจะเข้ามาสร้างยอดขายในตลาดเมืองไทยได้
ส่วนจะเป็นอะไรนั้นคงต้องจับตาดูกันต่อไป