สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เป็นสถานีโทรทัศน์เพียงช่องเดียวในเวลานี้ ที่เข้าไประดมเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การเข้าระดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของช่อง 3 ไม่ได้ทำในนามของบริษัท
บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานแพร่ภาพโทรทัศน์ จาก อ.ส.ม.ท.
อันเป็นธุรกิจหลัก หากแต่ใช้วิธีการจัดตั้งบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ขึ้นเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี ถือหุ้นในบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และบริษัทในเครือทั้งหมดเป็นบริษัทที่เข้าไประดมเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ช่อง 3 เป็นสถานีโทรทัศน์ ที่ดำเนินงานโดยตระกูล "มาลีนนท์"
มาโดยตลอด จากรุ่นพ่อ คือวิชัย มาลีนนท์ ผู้ก่อตั้งที่ต้องฟันฝ่าวิกฤตการณ์ด้านการเงิน
จนเกือบล้มละลายจนมาได้แบงก์กรุงเทพฯ ช่วยชีวิต และได้ต่ออายุสัมปทานจาก
อ.ส.ม.ท.ไปอีก 20 ปี
ในเวลาเดียวกันช่อง 3 ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคลื่นส่ง
ทำให้ภาพไม่คมชัด ซึ่งช่อง 3 ต้องแก้ไขปัญหาด้านนี้มาตลอดจนทุเลาลง
จนมาถึงรุ่นลูก "ประสาร-ประวิทย์-ประชา" ทายาทหนุ่มทั้งสาม ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่ทำให้ช่อง
3 ผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้ และยืนหยัดมาจนทุกวันนี้
ปัจจุบันการดำเนินงานทั้งหมดของช่อง 3 จะอยู่ภายใต้การบริหารของทายาททั้งสี่ประสาร
ลูกคนโต รับผิดชอบดูแลเรื่องการเงิน ค่าใช้จ่ายของสถานีทั้งหมดมาตลอดนิสัยของประสารไม่ใช่คนช่างพูด
ประวิทย์ บุตรชายคนรอง ทำหน้าที่วางแผนในด้านต่าง ๆ ของช่อง 3 และด้วยบุคลิกที่ยิ้มแย้มดูเป็นมิตร
ประวิทย์ ยังทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประชา ลูกชายคนที่สามจะทำหน้าที่สานงานต่อจากประวิทย์ รับผิดชอบงานทางด้านข่าว
รายการ และสตูดิโอ นิสัยของประชาจะเน้นไปในเรื่องการสร้างความแปลกใหม่ นิสัยของประชาเป็นที่รู้กันว่า
กล้าได้กล้าเสีย ใจถึง เมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้ยิ่งใหญ่ มีหลายโครงการที่ประชาเป็นผู้ริเริ่มไม่ว่าจะเป็นการทำค่ายเทป
วิทยุ เคเบิลทีวี แซทเทิ่ลไลท์ทีวี ประชาเป็นที่รู้จักกับบุคคลภายนอกมากกว่าพี่ชายทั้งสอง
และล่าสุดประชายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก
ประชุม บุตรชายคนสุดท้อง ที่เข้ามารับผิดชอบธุรกิจใหม่ ๆ ของช่อง 3 และเรียนรู้งานจากพี่
ๆ ทั้งสาม
แม้ว่า ตามธรรมเนียมจีนแล้ว ประสารในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตจะเป็นทายาทสืบตระกูลและสืบทอดธุรกิจ
แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเด่นชัด บทบาทส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประชา
แม้ว่าการเข้ามาของแบงก์กรุงเทพฯ จะทำให้ประชาต้องขยับขยายไปทำธุรกิจอื่น
ด้วยการหันไปจัดตั้งบริษัทแรดิแอด ทำห้องบันทึกเสียง จัดตั้งบริษัทบริษัทยูแอนด์ไอ
คอร์ปอเรชั่น ทำรายการวิทยุ บริษัทเอสพี ผลิตนักร้องในสังกัดช่อง 3และทำธุรกิจที่ดินในนามชัยพัฒน์
แต่ไม่นานมานี้ประชาก็กลับมาในช่อง 3 อีกครั้งอย่างเต็มตัว หลังจากธุรกิจที่เขาไปทำมามีทั้งประสบความสำเร็จ
และล้มเหลว
ประวิทย์ ชี้แจงกับ "ผู้จัดการ" ถึงการแบ่งหน้าที่การรับผิดชอบว่า
ไม่มีการกำหนดภาระหน้าที่ตายตัวว่าใครจะต้องรับผิดชอบอะไร แล้วแต่ว่าใครอยากทำหน้าที่อะไรช่วงไหน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข่าว และรายการ
การผสมผสานความสามารถของพี่น้องทั้งสี่ ทำให้ช่อง 3 ในวันนี้ พ้นวิกฤตการเงิน
และกลายเป็นอันดับ 2 ในธุรกิจฟรีทีวี จุดโดดเด่นของช่อง 3 คือ ละคร และภาพยนตร์ต่างประเทศ
ซึ่งช่อง 3 ทุ่มเทเงินทุนไปจำนวนมาก และกลายเป็นเอกลักษณ์ของช่อง 3 ไม่ว่าจะเป็นเปาบุ้นจิ้น
หรือกระบี่ไร้เทียมทาน
ละครของช่อง 3 จะใช้วิธีจ้างผู้จัดละครที่เป็นบุคคลซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอดีตดาราในสังกัด
เช่น มยุรฉัตร, วรายุทธ, ก้อย, มยุรา โดยช่อง 3 จะเป็นผู้ออกเงินทุนให้ และแบ่งรายได้
มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ผู้จัดละครให้กับช่อง 3 มาสิบกว่าปี เล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟังว่า ช่อง 3 จะให้อิสระในเรื่องของการคัดเลือกเรื่อง
หรือ ดารา จะเข้าไปมีส่วนออกความเห็นบ้างเล็กน้อย ทำให้เกิดความสบายใจในการทำงาน
"ยอมรับว่า ผู้บริหารของช่อง 3 ให้โอกาสมาก ไม่เข้ามาก้าวก่าย ซึ่งทำให้เราทำงานได้เต็มที่"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ช่อง 3 ได้ปรับผังรายการใหม่ ด้วยการขยายช่วงเวลาไพรม์ไทม์ให้มากขึ้น
ซึ่งประวิทย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง 3 จะเริ่มตั้งแต่ 17.00
น.-23.00 น. คาดว่าในอนาคตช่วงไพรม์ไทม์จะขยายลงมาถึง 16.00-24.00 น.
ผังรายการใหม่ของช่อง 3 ได้ถูกปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เสนอข่าวภาคค่ำในเวลา
18.45-20.25 น. เปลี่ยนเป็น 2 ช่วงคือ ช่วง 18.00 น.-18.45 น. และ 20.00
น.-20.25 น. ส่วนเวลา 18.45-19.45 น. จะเป็นภาพยนต์
ประวิทย์ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ว่าเนื่องจากทุกช่องมีการเปลี่ยนแปลงเวลาเสนอข่าวเร็วขึ้น
เพื่อหลีกหนีการแข่งขัน การปรับผังรายการครั้งนี้ช่อง 3 หวังผลว่าจะได้กลุ่มคนดูรอบนอกกรุงเทพฯ
มากขึ้น และคาดหวังว่ารายการในช่วงหลังข่าวภาคแรกจะมีผู้ชมเท่ากับละครหลังข่าว
ไม่เพียงแต่การปรับปรุงผังรายการเพื่อรับมือการแข่งขันในธุรกิจฟรีทีวี
แต่ช่อง 3 ได้สร้างวิสัยทัศน์ขยายไปยังสื่อใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวนำ
ประชาจัดตั้งกลุ่มอินโฟร์กรุ๊ปขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อทำธุรกิจคอมพิวเตอร์
แนวคิดนี้ประชาได้มาจากการที่ต้องเดินทางไปซื้อหนังจากต่างประเทศเป็นประจำ
ทำให้ประชารู้ว่าอีกไม่นานคอมพิวเตอร์ และมีเดียต้องผนึกกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ช่อง
3 จะต้องหันมาเรียนรู้ธุรกิจนี้
เป้าหมายของอินโฟร์กรุ๊ป คือ เพื่อเป็นฐานในเรื่องเทคโนโลยีให้กับช่อง
3 ในการเข้าสู่ยุคดิจิตอล
อินโฟร์กรุ๊ปเริ่มต้นธุรกิจด้วยการค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ประชาเปิดบริษัทขึ้นมากมาย
เพื่อเป็นตัวแทนขายเครื่องยี่ห้อต่าง ๆ และมอบหมายให้ประชุม น้อยชายและปราโมทย์
โชคศิริกุลชัย ซึ่งสนิทกับครอบครัวมานาน และเคยมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทคอมพิวเตอร์ในต่างประเทศมาเป็นมือบริหาร
แต่ในยุคที่ตลาดคอมพิวเตอร์คลายมนต์ขลัง ราคาลดต่ำลงฮวบฮาบ อินโฟร์กรุ๊ปพ่อค้าหน้าใหม่
จึงไปไม่ได้สวยนัก ประชุมเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างใหม่โดยยุบบริษัทในกลุ่มที่มีอยู่เกือบ
10 บริษัท เหลืออยู่เพียงแค่ 3 บริษัท เช่น ทรีมีเดีย รับจัดสื่อโฆษณาอิเลกทรอนิกส์
"แต่เรายังไม่คิดทิ้งธุรกิจนี้ เพราะเราจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องเทคโนโลยี
ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจทีวี" ประชุมชี้แจง
ช่อง 3 ยังมีแผนที่จะขยายเข้าไปยัง "สื่อ" ใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นเคเบิลทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมซึ่งยื่นเสนอขอไปทั้งกรมประชาสัมพันธ์
และ อ.ส.ม.ท. และยังอยู่ในขั้นตอนของการเสนอเท่านั้น เช่นเดียวกับสัมปทานอัพลิงค์-ดาวลิงค์
ที่ช่อง 3 ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในโครงการของ อ.ส.ม.ท. แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล
เช่นเดียวกับโครงการเคเบิลทีวี ที่แม้จะได้รับอนุมัติจากกรมประชาสัมพันธ์แล้วก็ตาม
แต่ประชา ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการได้สั่งชะลอโครงการแบบไม่มีกำหนด
แม้ว่าช่อง 3 จะมีวิสัยทัศน์ในเรื่องเทคโนโลยี และไอทีที่ดูจะแจ่มชัดกว่าช่องอื่น
แต่บริบทของการเริ่มต้นในธุรกิจนี้ยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร เว้นแต่ภาพลักษณ์ที่ปรากฎออกมาดูจะมากกว่า
ที่จะออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
เว้นแต่การร่วมทุนกับทีวีบี พันธมิตรเก่าแก่ผู้ผลิตรายการจากฮ่องกง ด้วยการจัดตั้งบริษัททีวีบี
3 เน็ทเวิร์ค เพื่อขยายออกสู่ตลาดในต่างประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป และสหรัฐ
วิธีการ คือ ผลิตรายการป้อนให้กับฟรีทีวี และเคเบิลทีวีตลอดจนการผลิตรายการพิเศษ
และข่าวป้อนส่งกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนซอฟต์แวร์รายการและทีวีบี
การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะมีการสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อทำเป็นสตูดิโอ
ซึ่งมีห้องส่ง และผลิตรายการ
นอกเหนือจาก การปรับปรุงอุปกรณ์แพร่ภาพทั่วประเทศและการสร้างเสาอากาศแพร่ภาพใหม่
โครงการทีวีบี 3 เป็นเหตุผลหนึ่งที่ใช้ในการเข้าไประดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ของช่อง 3