Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 เมษายน 2549
นกแอร์เบรกแผนเส้นทางมาเก๊า ตัดหน้าแอร์เอเชียบินสู่บังกาลอร์             

 


   
www resources

โฮมเพจ สายการบินนกแอร์

   
search resources

สกาย เอเชีย, บจก. - สายการบินนกแอร์
พาที สารสิน
Aviation




นกแอร์ หลบเส้นทางมาเก๊า ชะลอแผนไปเปิดปีหน้า ฉวยเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ-บังกาลอร์ตัดหน้า คู่แข่งอย่างแอร์เอเชีย เหตุมีดีมานด์สูงกว่า ซีอีโอนกแอร์เผยคนไทยไม่หวั่นไหวเรื่องเศรษฐกิจ หันใช้การเดินทางด้วยเครื่องบินเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลไตรมาสแรกผลประกอบการโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คุยปีก่อนกำไร 44 ล้านบาท พร้อมปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเส้นทางต่างประเทศในเดือนตุลาคมปีนี้นกแอร์จะเปิดเส้นทางบินไป เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย โดยจะบินวันละ 1 เที่ยว ตั้งเป้าอัตราผู้โดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่นั่ง ทั้งนี้บริษัทฯได้รับไลเซ่นทางการบินในประเทศอินเดียรวม 3 เมือง คือ บังกาลอร์ เชนไน ไฮดราบัด โดยอีก 2 เมืองที่เหลือจะทยอยเปิดในปีต่อๆไป

ทั้งนี้ตามแผนเดิมในเส้นทางบินต่างประเทศ บริษัทฯได้วางไว้ว่าจะเปิดเส้นทางบินไปประเทศมาเก๊าในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ต้องปรับแผนมาเปิดเส้นบินไปบังกาลอร์แทน เนื่องจากเห็นว่ามาเก๊ายังไม่มีความพร้อมรองรับนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นได้ เพราะโรงแรมที่พักตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปีหน้า ดังนั้นบริษัทจึงคาดว่าจะเลื่อนเปิดเส้นทางบินไปมาเก๊าเป็นปีหน้าเช่นกัน

“ปัจจุบันมาเก๊าก็มีแอร์เอเชียบินอยู่แล้ว เมื่อตลาดยังไม่พร้อมเราก็ยังไม่ไป เพราะการทำธุรกิจของนกแอร์ต้องมั่นใจว่าทุกเส้นทางบินที่เปิดต้องอยู่ได้และมีผลกำไร ขณะที่เส้นทางบังกาลอร์ ปัจจุบันมีการบินไทยบินอยู่รายเดียว ไม่พอกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งแอร์เอเชียก็มีแผนที่จะบินเส้นทางนี้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้ไลเซ่น จึงถือเป็นโอกาสดีของนกแอร์ที่ได้เริ่มบินก่อน”

สำหรับลูกค้าที่จะใช้บริการเส้นทางบิน กรุงเทพ-บังกาลอร์ จะมีทั้ง นักเรียน นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ในสัดส่วนเท่าๆกัน เพราะ บังกาลอร์เปิดเมือธุรกิจ ไอที มีคนไทยไปเรียนมาก ขณะเดียวกัน ชาวบังกาลอร์ก็มีกำลังซื้อสูงและนิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

สำหรับเส้นทางในประเทศ จะเพิ่มเส้นทางบิน 2 เส้นทาง คือ เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน และ กรุงเทพฯ-เลย โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 และ วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ตามลำดับ นอกจากนั้นยังเตรียมศึกษาเส้นทางอื่นๆในประเทศเพิ่มเติม อีก เช่น สุราษฏร์ธานี เชียงราย กระบี่ และ อุบลราชธานี และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเครื่องบินเป็น 6 ลำ จากขณะนี้มีอยู่ 4 ลำ

นายพาที กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของผลประกอบการ ปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท ขนผู้โดยสารได้กว่า 2 ล้านคน อัตราผู้โดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวที่ 85-90% ส่วนไตรมาสแรกของปีนี้ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สามารถขนผู้โดยสารได้กว่า 4 ล้านคน คาดว่าตลอดทั้งปีผลประกอบการและกำไรของนกแอร์ก็จะเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือโตกว่า 100% แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ประกอบกับต้องยอมรับว่าตอนนี้กระแสการเลือกใช้บริการเครื่องบินของคนไทยมีเพิ่มสูงขึ้นมา เพราะการแข่งขันของผู้ประกอบการสายการบินโดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ ทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของนกแอร์เกือบ 60% เป็นลูกค้าเก่าที่ใช้บริการซ้ำๆ

อย่างไรก็ตาม ในทุกเส้นทางบิน บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการตลาด ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องการจัดโปรแกรมการเดินทางแบบพิเศษให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในเส้นทางบังกาลอร์ ที่ต้องทำแผนการตลาดอย่างหนัก เพราะนอกจากมีกำลังซื้อในตลาดอยู่แล้ว ในส่วนของตลาดคนไทย บริษัทฯก็จะต้องสร้างกระแสให้เกิดการเดินทางเพิ่มขึ้น เพราะกลุ่มคนไทยที่ไปเที่ยวอินเดียยังมีน้อยมาก ส่วนการจัดที่นั่งให้กับลูกค้าชาวอินเดียก็ต้องเตรียมให้พร้อมเพราะเป็นประเทศที่มีระบบวรรณะที่ชัดเจน

ล่าสุดได้ปรับเพิ่มราคาค่าธรรมเนียมน้ำมันจาก 200 บาท ต่อที่นั่ง เป็น 300 บาทต่อที่นั่ง เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมศกนี้ เนื่องจากปรับตามอัตราราคาน้ำมันของอุตสาหกรรมการบิน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us