บลจ.กสิกรไทยยังคงเดินหน้าออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน และ 1 ปี โกยเงินเข้าพอร์ต เตรียมเปิดขายกองใหม่ พร้อมกัน 2 กองทุน “กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 11/49 บี” และ “กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 6/50” เอาใจตลาดนักลงทุนตราสารหนี้ประเภท 6 เดือน และ 1 ปี มูลค่าโครงการรวม 1.1 หมื่นล้านบาท หลังไตรมาสแรกเงินไหลเข้ากองตราสารหนี้กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนประเภทตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุนพร้อมกัน ได้แก่ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 11/49 บี (R1149B) และ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 6/50 (RG0650) ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2549 นี้ ภายใต้ภาวะตลาดกองทุนตราสารหนี้ที่มีอนาคตสดใส และเป็นที่สนใจของนักลงทุน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และมุ่งหวังผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากดอกเบี้ยหรือกำไรส่วนเกินจากการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้อาวัล หรือผู้ค้ำประกัน
สำหรับกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 11/49 บี (R1149B) และ กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 6/50 (RG0650) เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ อายุประมาณ 6 เดือน และ 12 เดือน มีขนาดกองทุน 3,000 และ 8,000 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกองทุนทั้ง 2 กองทุนข้างต้น เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล กระทรวงการคลัง หรือธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้อาวัล หรือผู้ค้ำประกันในอัตราส่วนเฉลี่ยรอบอายุกองทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตามลำดับ เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้และหรือเงินฝากของสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structure Notes)
สำหรับ อัตราผลตอบแทนต่อปีของพันธบัตรรัฐบาลหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุน ของพันธบัตรอายุ 6 เดือน และ 1 ปี เท่ากับร้อยละ 4.4 และ 4.7 ตามลำดับ (อัตราผลตอบแทนอ้างอิงจากเส้นผลตอบแทนโดยประมาณของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันที่ 17 เม.ย. 49 โดย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย)
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำเพียงกองทุนละ 10,000 บาท ราคาขายหน่วยลงทุนที่ 10 บาทต่อหน่วย โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกสาขาของธนาคารกสิกรไทย โทร 0-2888-8888 และที่บลจ.กสิกรไทย โทร 0-2276-2233
กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวอีกว่า บลจ.กสิกรไทยพร้อมจะพัฒนารูปแบบการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน และแม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์จะปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ แต่บริษัทมั่นใจว่ากองทุนประเภทตราสารหนี้ที่บริษัทนำเสนอให้นักลงทุน ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ภายใต้ความเสี่ยงต่ำ ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 6 กองทุน ด้วยยอดขายรวมสูงถึง 26,856 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนที่แสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเป็นอย่างดี และยังเป็นผลมาจากความเชื่อถือในผลการดำเนินงานที่โปร่งใสมาโดยตลอดของบริษัท
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมภายใต้การบริหารของบลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 17 เมษายน 2549 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 148,983.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 133,404.05 ล้านบาท
ส่วนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารของบลจ.กสิกรไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 34,220.85 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับ 1 ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 41,605.61 ล้านบาท
สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภายใต้การบริหารของบลจ.กสิกรไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 35,528.75 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์อันดับ 4 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 34,897.03 ล้านบาท
|