Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 เมษายน 2549
หุ้นไทยพุ่งสูงสุด2ปี3เดือนบล.ซิตี้คอร์ปประเมินดัชนีปีนี้725จุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.)ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี 3 เดือน จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันทะลุ 71 ดอลลาร์ต่อบารเรล ทำให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ประกอบกับกองทุนคาร์สเปอร์ หรือCalpers ให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนในระดับต้นๆของตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อหุ้นไทย โดยดัชนีปิดที่ 774.57 สูงสุดในรอบ 2ปี 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2547 ซึ่งการเคลื่อนไหวของดัชนีวานนี้ ตลอดทั้งวัน ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 774.85 จุด ต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 768.35 จุด มูลค่าการซื้อขาย 26,315.73 ล้านบาท

การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่ม ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,064.40 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 103.67 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 960.73 ล้านบาท

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทีเอสอีซี จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 เม.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดใหม่ เนื่องจากนักลงทุนได้เข้ามากำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นน้ำมัน จากราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมนักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นจากที่ กองทุน Calpers ได้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ในอันดับต้นๆของตลาดหุ้นเกิดใหญ่ โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ เช่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์จากมูลค่าการซื้อขายที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ตลาดอนุพันธ์จะมีการเปิดการซื้อขาย

ทั้งนี้ จากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของโลกยังมีการเติบโตได้ถึง 4.9% ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่การที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อจากราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะหุ้นกลุ่มพลังงานมีน้ำหนักที่มากต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งแนะนำนักลงทุนลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยมองแนวรับที่ระดับ 765 จุด แนวต้านที่ระดับ 780 จุด

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวว่าการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศปริมาณน้ำมันสำรองลดลง 8 แสนบาร์เรล และมีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านในเรื่องการสร้างอาวุนิวเคลียร์ รวมถึงไนจีเรีย ยังไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ในระดับเดิม

นอกจากนี้ยังมีการเก็งกำไรในในหุ้นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI จากที่ศาลล้มละลายกลางจะมีการตัดสินว่าTPI จะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้หรือไม่ในวันที่ 26 เม.ย.นี้

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย วันนี้คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจาก ใกล้วันหยุดโดยมองแนวรับที่ระดับ 770 จุด แนวต้านที่ระดับ 780 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยการเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากย้ายเงินลงทุนเข้ามาลงทุนในภูมิภาค ซึ่งเป็นการปรับสมดุลการลงทุน จากอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯที่ปรับตัวใกล้ถึงจุดสูงสุด รวมถึงการปรับตัวของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หุ้นพลังงานปรับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนหรือหยุดการลงทุน ก็ต่อเมื่อพันธบัตรระยะ 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวถึง 6% และมองว่าการที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นนั้นกระทบกับเศรษฐกิจแต่ไม่กระทบกับตลาดหุ้นมากนัก นอกจากนี้ ปัจจัยที่ยังกดดันตลาดยังคงเป็นเรื่องการเมือง และสำหรับวันนี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ มองว่าดัชนีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอาจมีการขายทำกำไร ซึ่งแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 770 จุด แนวต้านที่ 780 จุด

นายเดวิด แรทลิฟฟ์ หัวหน้าธุรกิจด้านหลักทรัพย์ ภูมภาคเอซียแปซิฟิก บริษัท ซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนจากทวีปอเมริกา และทวีปยุโรป ได้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และคาดว่าจะเป็นการไหลเข้ามาในระยะยาว โดยเงินทุนดังกล่าวไหลเข้าไปในประเทศ ญี่ปุ่นมากที่สุด รองมาอินเดีย เกาหลี จีน รวมถึงประเทศไทย เช่นกัน จากที่ราคาหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำ

นายแอดรูว์ ชาร์ลส สตอทซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เงินทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องจากราคาหุ้นไทยยังต่ำ แต่การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมีการลงทุนกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งไม่มีการกระจายตัวในกลุ่มอื่นๆ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในอีก 2-3 เดือนจากนี้ จะยังคงทรงตัวๆปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ 650 จุด โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 725 จุด ซึ่งพิจาณาจากปริมาณการซื้อขาย ความผันผวนของดัชนีตลาดหุ้นไทย และผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนต่อหุ้น(ROE) จะมีการปรับตัวลดลง และคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS)ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us