ถึงตรงนี้คงต้องยอมรับว่า การทุ่มเทให้กับการลงทุนเพื่อพัฒนาเครือข่าย
และการออกอากาศให้มีประสิทธิภาพของผู้ถือหุ้นของช่อง 7 สี ผสมกับความเป็นคนเก่ง
ฉลาด รอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงความจริงจังในการทำงานของสุรางค์และชาติเชื้อ
(อ่านบทบาทชาติเชื้อในล้อมกรอบ) จะเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่อง 7 สีประสบความสำเร็จในการครองใจคนดูถึงปัจจุบันนี้
แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าช่อง 7 สีมีปัญหาบางอย่าง ที่เกิดขึ้น จากการบริหารงานแบบธุรกิจครอบครัว
แม้ว่าปัญหานี้จะยังสร้างความระคายเคืองให้กับช่อง 7 สีไม่ได้ก็ตาม
"ความเป็นธุรกิจครอบครัวที่การตัดสินใจอยู่กับเจ้าของเป็นสำคัญ เป็นประเด็นหลักที่สร้างปัญหาให้กับช่อง
7 มานาน และเป็นการสกัดกั้นช่อง 7 ให้ก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจบรอดคาสต์ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยประหยัดมัธยัสถ์จนเกินเหตุซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้บริหารที่เป็นเจ้าของเงิน
จริงอยู่ที่ผ่านมาช่อง 7 มักเป็นผู้นำในการนำเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ ๆ
เข้ามาใช้เสมอ แต่ก็จะไม่ยอมซื้อมาให้เพียงพอกับความต้องการใช้งานของพนักงาน
หรือบางครั้งการเปลี่ยนฉากในช่วงข่าว เพื่อให้ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมก็ล่าช้า
จนบางทีถูกคู่แข่งเปลี่ยนไปก่อนถึงจะมาเปลี่ยนตาม หรืออย่างละครซึ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้วก็จะเห็นชัดว่าไม่พิถีพิถันเท่าที่ควร
แต่ยังโชคดีที่เนื้อเรื่องถูกใจคนดูจึงยังได้รับความนิยมอยู่ แต่ปัญหาเหล่านี้ยังมองเห็นไม่ชัดเพราะวงการโทรทัศน์บ้านเราเปลี่ยนแปลงช้ามาก
ช่อง 7 สีจึงยังเป็นผู้นำได้อยู่" คนที่อยู่กับช่อง 7 สีมานานกล่าว
ที่สำคัญทุกคนกำลังดูว่าถ้าไม่มีสุรางค์หรือชาติเชื้อแล้ว ช่อง 7 สีจะเป็นอย่างไร
เพราะเท่าที่สืบทราบดู ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าช่อง 7 ยังไม่มีการเตรียมทายาทรุ่นใหม่
ๆ ของตัวเองหรือบรรดาผู้ถือหุ้นให้พร้อมที่จะขึ้นมาสานต่องานที่ได้วางไว้
ดูเหมือนจะมีเพียง "ชาญชัย กรรณสูต" บุตรชายคนโตของชาติเชื้อเพียงคนเดียว
ที่เคยเข้ามาทำงานในฝ่ายข่าวอยู่พักใหญ่ แต่ขณะนี้กลับไปให้ความสนใจกับหนังสือกีฬา
"แอ็คชั่น" ของเขามากกว่างานที่ช่อง 7
น่าเสียดายที่สุรางค์ไม่มีทายาท ส่วนทายาทของชาติเชื้ออีก 2 คนที่เหลือยังเรียนหนังสืออยู่
เช่นเดียวกับทายาทของชายชาญ
ตำแหน่ง "ผู้สืบทอด" จะเป็นใคร คงต้องให้เวลากับผู้บริหารของช่อง
7 สีอีกสักพัก