Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2539
"วรวรรณ ธาราภูมิ กองทุนตราสารหนี้ยังไปได้อีกไกล"             
 


   
search resources

หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยเอเชีย
วรวรรณ ธาราภูมิ
Financing




"การที่บริษัทเสนอขายกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทยมีสูงมาก โดยคาดว่าในปีอีก 5-6 ปีข้างหน้า สัดส่วนการลงทุนในหุ้นทุนและตราสารหนี้จะอยู่ที่ 50% แม้ว่าการลงทุนในหุ้นทุนจะยังได้รับผลทุนผลกระทบจากความผันผวนของดัชนี แต่หุ้นทุนยังคงให้ผลตอบแทนที่สูง ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนคงที่ แต่ก็ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่งประมาณ 1%"

นั่นคือคำกล่าวชี้แจงอย่างหนักแน่นของวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยเอเชีย จำกัด ที่กล่าวถึงเหตุผลที่ออกกองทุน ตราสารหนี้ใหม่อีก 2 กองทุน โดยให้ธนาคารเอเชีย หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นตัวแทน สนับสนุนการขายและรับซื้อหน่วยลงทุนกองทุน

"การที่แนวโน้มการเติบโตของกองทุนตราสารหนี้ (FIXED INCOME) มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 111.08% จากปีก่อน ในขณะที่กองทุนประเภททุนและกองทุนที่ลงทุนเฉพาะเจาะจงมีอัตราการเติบโตลดลง 2.27% และ 17.78% ทำให้เราตัดสินใจออกกองทุนใหม่"

แนวความคิดของวรวรรณ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับของจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) ที่เชื่อมั่นว่าการจัดตั้งกองทุนเปิดเอเชียตราสารหนี้ว่า เนื่องจากปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ กำลังเติบโตและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายรวมในชมรมผู้ค้าตราสารหนี้ในไตรมาสแรกของปีนี้สูงถึงร้อยละ 38.6 จากระยะเดียวกันของรอบปี 2538 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 95,020 ล้านบาท จากภาวะการเติบโตรวมทั้งอัตราผลตอบแทนที่จูงใจแก่นักลงทุน

สำหรับกองทุนดังกล่าวคือเอเชียตราสารหนี้ทวีกำไร และ เอเชียตราสารหนี้ปันผลโดยมีมูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท กำหนดราคาขายหน่วยลงทุนครั้งละ 10 บาท โดยต้องจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท มีนโยบายในการลงทุนตราสารหนี้ ที่มีคุณภาพดี แต่มีนโยบายการจ่ายปันผลที่แตกต่างกัน กล่าวคือกองทุนเปิดตราสารหนี้ทวีกำไรไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล แต่จะนำเงินกำไรที่ได้ไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่ม

สำหรับกองทุนเปิดตราสารหนี้ปันผล มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรในแต่ละงวด โดยกองทุนทั้งสองกองจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเงินส่วนที่เกินทุน และยกเว้นภาษีเงินปันผลในนิติบุคคลที่ถือหน่วยลงทุน

สำหรับผลการดำเนินการของกองทุนรวมตราสารหนี้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ วรวรรณ เล่าว่าทั้งระบบ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2538 มีอัตราขยายตัวขึ้นถึง 3,259.92 ล้านบาท โดย บลจ.ที่มีส่วนแบ่งการตลาดด้านนี้สูงสุดคือ บลจ. บัวหลวง เท่ากับ 33.99% หรือมีอัตราการเติบโตถึง 246.94% มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนรวม 15,234 ล้านบาท อันดับสองคือ บลจ. วรรณอินเวสเม้นท์ มีอัตราการเติบโต 47.23% มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วย 6,210 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 13.86% ขณะที่บริษัทไทยเอเชียซึ่งมีจำนวนกองทุนตราสารหนี้ 4 กองทุน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนจำนวน 2,182 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 4.87%

อย่างไรก็ตามกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.ไทยเอเชีย ณ วันที่ 24 พ.ค. 2539 มีทั้งสิ้น 7 กองทุน โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด 3,199.69 ล้านบาท

วรวรรณเล่าถึงแผนงานในปีนี้ว่าภายในสิ้นปีนี้ไทยเอเชียพยายามจะเพิ่มกองทุนและสร้างมูลค่าเม็ดเงินให้ได้ถึง 11,043 ล้านบาท

ในส่วนประเภทของกองทุนเมื่อเทียบสิ้นปี 2538 กับไตรมาสแรกของปีนี้ ในส่วนของกองทุนรวมประเภทลงทุนในหุ้นมีถึง 156,220 ล้านบาทลดลง 2.27% กองทุนประเภทตราสารหนี้ มูลค่ารวม 44,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวลดลง ซึ่งลูกค้าอาจจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินลดลง แต่สามารถที่จะเลี่ยงมาลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่นแทนได้

นอกจากงานประจำในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่บริษัทไทยเอเชียแล้ว วรวรรณยังทำงานรับใช้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำกัดในฐานะกรรมการสมาคมอีกด้วย วรวรรณ ได้เล่าถึงการประชุมคณะกรรมการสมาคม บลจ. ว่า ได้มีการแบ่งงาน โดยมีคณะทำงานขึ้นมาดูแล และการพัฒนาตลาดทุนกฎเกณฑ์ใหม่และตราสารอนุพันธ์มีธีระ ภู่ตระกูลเป็นประธานคณะทำงาน ส่วนเรื่องจรรยาบรรณและการฝึกอบรมนั้น วรวรรณจะเป็นผู้รับผิดชอบเองและในเดือน ก.ค. นี้จะมีการฝึกอบรมผู้จัดการกองทุนตามที่ ก.ล.ต. ได้กำหนด

สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ววรวรรณมีประวัติการศึกษาที่น่าสนใจโดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยศิลปากร หลังจากนั้นจึงบินข้ามฟ้าไปศึกษาต่อทางด้านการตลาดที่ NORTH TEXAS STATEUNIVERSITY DENTON, TEXAS, ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อจบการศึกษา วรวรรณก็เริ่มงานครั้งแรกที่บริษัทดาต้าแมท ในตำแหน่ง ACCOUNT EXECUTIVE เพียงสองปีก็ย้ายงานมารับผิดชอบตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย งบประมาณและวางแผนที่ธนาคารเอเชีย เธอใช้ชีวิตการทำงานที่ธนาคารเอเชียเกือบ 7 ปี ซึ่งตำแหน่งล่าสุดก่อนจะออกก็คือเป็นผู้จัดการศูนย์บุคคลธนกิจ

หลังจากออกจากธนาคารเอเชียแล้วเธอยังคงคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเงินตลอดมาจนมาเป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวางแผนและสารสนเทศและเลขานุการคณะกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอกธนาประมาณ 2 ปีเศษ จนกระทั่งธนาคารเอเชียเปิดบริษัทในเครือคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยเอเชีย จำกัด เมื่อปี 2538 เธอจึงได้รับการเชื้อเชิญให้มาอยู่ใต้ชายคาของธนาคารเอเชียเป็นคำรบสอง การกลับมาครั้งนี้ แม้ว่าธุรกรรมการเงินจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น

แต่วรวรรณก็เชื่อว่ากองทุนตราสารหนี้ยังไปได้ดี แม้ว่าจะเริ่มช้ากว่าธนาคารอื่นไปบ้างก็ตาม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us