|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้ประกอบการเครื่องสำอางฟันธงภาพรวมปีนี้ตลาดโตไม่เกิน 10% เหตุปัจจัยทางเศรษฐกิจและน้ำมันขึ้นฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคลด “คาเนโบ” เตรียมรุกตลาดหนักขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น คาดยอดขายสิ้นปีโต 15% ด้านเครื่องสำอาง “อิปซ่า” เน้นทำโปรโมชั่นและจัดกิจกรรม ณ เคาน์เตอร์ รวมถึงเล็งขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม 10%
นางสาวชไมลักษณ์ โชติวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่มากหรือไม่เกิน 10% เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้คนไม่ยอมใช้จ่ายเงินมากเท่าที่ควร ดังนั้นแต่ละบริษัทจะต้องมีการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับคืนมา
ส่วนแผนการตลาดของเครื่องสำอางคาเนโบในปีนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มเมคอัพและสกินแคร์ รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องทุกไตรมาส เนื่องจากได้รับการซับพอร์ตจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมากขึ้นในด้านต่างๆ
พร้อมกันนี้ในปีนี้บริษัทฯมีแผนปรับปรุงภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ของคาเนโบใหม่ในระดับเอ สโตร์ ซึ่งมีอยู่ 16 จุดจาก 83 จุดทั่วประเทศ จากเดิมโทนเคาน์เตอร์จะเป็นสีเงินจะปรับไปสู่สีชมพูอ่อนๆหรือเหมือนดอกสีซากุระ รวมถึงการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องนวดหน้า ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยปรับไปบางสาขาแล้ว อาทิ เซ็นทรัล ชิดลม,ดิ เอ็มโพเรียม, สยาม พารากอน และคาดว่าทั้ง 16 เคาน์เตอร์จะสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ครบได้ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ ขณะที่แผนขยายเคาน์เตอร์เพิ่มในปีนี้ยังไม่มีแผน ส่วนสมาชิกของคาเนโบในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย ปีนี้คาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับยอดรายได้ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วหรือมีอัตราการเติบโตกว่า 10% เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Prestige หรือสินค้าระดับสูง และการปรับปรุงเคาน์เตอร์ใหม่ในบางสาขาเช่น ที่เซ็นทรัล ชิดลมปรับไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมทั้งปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดรายได้จะเติบโต 15% จากการเปลี่ยนภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ใหม่และเปิดตัวสินค้าใหม่
อิปซ่าเน้นโปรโมชั่นและกิจกรรมที่จุดขาย
นางอตินุช ตันติวิวัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อิปซ่า บริษัท ชิเซโด้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สิ่งที่หนักใจในปีนี้ คือ เรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้คนชะลอการใช้จ่ายเงิน และมีการซื้อสินค้าด้วยเหตุผลมากขึ้นทำให้การใช้จ่ายสินค้าต่อหัวลดน้อยลง ซึ่งตรงนี้กระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงตลาดเครื่องสำอางด้วยแต่ไม่มาก เพราะสินค้าดังกล่าวยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงอยู่
“แผนการตลาดของเครื่องสำอางอิปซ่าในปีนี้จะเน้นการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เคาน์เตอร์ 9 แห่งตามห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล ลาดพร้าว , เซ็นทรัล ชิดลม และสยามพารากอน เป็นต้น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มแต่อย่างใด แต่จะมีการรีโนเวตและปรับปรุงห้างให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
ขณะที่ภาพรวมของผลิตภัณฑ์อิปซ่าในช่วงไตรมาสแรกพบว่ายอดขายยังมีอัตราการเติบโตหรือสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 15% ซึ่งการที่ยอดขายโตเป็นเพราะการที่อิปซ่าได้ทำโปรโมชั่นกับห้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำไดเร็คเมล์ไปยังสมาชิกที่มีอยู่กว่า 1,000 ราย ในปีนี้คาดว่าสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้นอีก 10%
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องสำอางอิปซ่าจะเน้นคนทำงานรุ่นใหม่หรืออายุประมาณ 25-35 ปี โดยปัจจุบันเครื่องสำอางอิปซ่ามีสินค้าให้เลือกกว่า 600 รายการ โดยกลุ่มที่ทำรายได้หลัก ได้แก่ กลุ่มบำรุงผิวและเมคอัพ ขณะที่ราคาสินค้าอิปซ่าจะอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวสินค้าทุกเดือนๆละ 1-2 รายการ
|
|
|
|
|