จากกรณีที่สถานการณ์ราคาเหล็กได้ส่งสัญญาณปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2548 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมและผู้ประกอบการในธุรกิจเหล็ก ทำให้มีการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกปี 2549 นี้ ขณะเดียวกับ บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้แนะนำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นในกลุ่มเหล็ก จนเป็นแรงผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ผู้จัดการรายวัน ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก ด้วยการเปรียบเทียบราคาหุ้นในช่วงต้นปี (3 ม.ค. 49) กับราคาหุ้นล่าสุด (18 เม.ย.) พบว่าราคาหุ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก มีเพียงบางบริษัทเท่านั้นที่มีราคาหุ้นปรับตัวลดลง (ตารางประกอบข่าว)
โดยบริษัทที่มีราคาหุ้นปรับตัวลดลงมี 2 บริษัท คือ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM และบริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากตันปี 14.01% และ 8.00% ตามลำดับ
ขณะที่ ราคาหลักทรัพย์ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือ BSBM ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นปี 53.64% บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSM ราคาเพิ่มขึ้น 40.00% และบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP ราคาเพิ่มขึ้น 26.09%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า แนวโน้มแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2549 ผู้ประกอบการกลุ่มเหล็กจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าสิ้นปี 2548 แต่ยังคงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/48 ที่ผ่านมา หลังจากสินค้าคงคลังที่มีต้นทุนสูงได้บันทึกขาดทุนไปหมดแล้ว บวกกับราคาเหล็กในตลาดโลกยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่ม แม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงว่าจะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2549 โรงงานผลิตเหล็กในประเทศจีนได้ปรับราคา Billet ขึ้นประมาณ 3-5 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นอีก เนื่องจากโรงเหล็กและผู้ค้าต่างมีสินค้าคงคลังลดลง บวกกับราคาต้นทุน(สินแร่เหล็ก) ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาเหล็กรีดร้อนเพิ่มขึ้นจากที่เคยต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2548 ที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ขยับเป็น 410 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในเดือนมกราคม 2549 ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 440 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในเดือนมีนาคม 2549
ส่วนเหล็กเส้นราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หลังจากปรับลดลงไปต่ำสุดในเดือนมกราคม 2549 ที่ 16.20 บาท/กก. จากเดือนธันวาคม 2548 อยู่ที่ 16.40 บาท/กก. ก่อนที่ราคาจะปรับตัวพุ่งไปที่ 16.80 บาท/กก. แต่ยังคงเป็นราคาที่ต่ำกว่าในอดีตที่อยู่ในระดับ 20 บาท/กก.
"การที่ราคาเหล็กฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อราคากลุ่มเหล็ก เช่น บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL , NSM และ BSBM เป็นต้น"
**BSBM มั่นใจปีนี้พลิกฟื้นทำกำไรได้**
นายวีระวิทย์ ดุละลัมพะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บางสะพานบาร์มิล หรือ BSBM กล่าวว่า ราคาหุ้น BSBM ปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าจะเกิดจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามา ซึ่งบริษัทเองคาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะสามารถพลิกฟื้นมามีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ประมาณ 167 ล้านบาท โดยตั้งเป้าปริมาณการขายเหล็กเส้นในปีนี่ไว้ที่ประมาณ 3.6 แสนตัน
สำหรับราคาเหล็กในปีนี้ประเมินว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.75 หมื่นบาทต่อตัน โดยปัจจุบันราคาเหล็กอยู่ที่ระดับ 1.8 หมื่นบาทต่อตัน ทั้งนี้ไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์เหล็กจะเป็นไปในทิศทางใดเนื่องจากราคาเหล็กจะมีความผันผวนตามราคาตลาดโลก
**CSP คาดกำไรขั้นต้นปีปีแตะ 12%**
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ หรือ CSP กล่าวว่า ในปี 2549 ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ไว้ที่ 10-12% เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7.86% จากการที่ราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น บวกกับปริมาณการต้องการใช้เหล็กในอุตสาหกรรมดีขึ้นอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายปี 2548 บริษัทมีการขยายงานสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรผลิตท่อเหล็กและเหล็กแผ่นแถบเพิ่มเติม โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กทั้ง 2 ประเภทประมาณ 30,000 ตันต่อปี ส่งผลให้มีกำลังการผลิตตัดเหล็กแผ่นได้ 193,800 ตันต่อปี และกำลังการผลิตท่อเหล็กทั้งสิ้น 30,000 ตันต่อปี
สำหรับแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปีนี้ คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าที่ผ่านมาที่ราคาเหล็กเฉลี่ยอยู่ที่ 500 เหรียญต่อตัน ซึ่งพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดและความต้องการใช้เหล็ก โดยราคาเหล็กน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนถึงไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และอาจมีความผันผวนบ้างในช่วงปลายปี 2549
**PERM มั่นใจรายได้ครึ่งปีแรกโดดเด่น**
นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เพิ่มสิน สตีลเวิคส์ (PERM) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ไตรมาส 1 ปีนี้จะสูวกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เหล็กรีดเย็นเป็นวัตถุดิบมีการขยายตัวกว่า 10% ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ยังมีการขยายตัวต่อเนื่องโดยยังมีการก่อสร้างโรงงานในหลายแห่ง ขณะเดียวกันทิศทางราคาเหล็กรีดเย็นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกือบแตะที่ระดับ 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จะส่งผลดีต่อรายได้ไตรมาส 2 ด้วย
**SAM เป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 5 พันล.**
นายพัชวัฏ คุณชยางกูร รักษาการประธานกรรมการบริหาร บมจ. สามชัย สตีล อินดัสทรี (SAM) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,000-5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3,900 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากธุรกิจท่อเหล็ก ขณะที่ไตรมาส 1 รายได้จะต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ประมาณ 10% หรืออยู่ 1,200 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มของราคาเหล็กรีดร้อนในปี 2549 นี้ น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนถึงปลายปี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาเหล็กได้ปรับลดลงค่อนข้างมาก รวมทั้งสต็อกสินค้ายังมีมากเกินกว่าความต้องการของตลาดอีกด้วย โดยในปีนี้คาดว่าราคาเหล็กรีดร้อนน่าจะอยู่ที่ 20บาท/กิโลกรัม
"ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในระยะนี้ เป็นไปตามภาวะตลาด รวมทั้งเป็นไปตามราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงทำให้นักลงทุนเข้ามา เก็งกำไร และส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กได้รับความสนใจจากนักลงทุน"
|