ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลทำให้ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มดังกล่าวต่างขานรับอย่างชัดเจน
ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่งที่เคยมีการประมาณการรายได้ แนวโน้มธุรกิจและราคาตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวเริ่มมีการพูดถึงการปรับประมาณการอีกครั้งแม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ไม่ถึง 4 เดือน
ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ประกอบด้วยบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP,บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือTOP และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH
สำหรับราคาหุ้นตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 18 เม.ย. 48 ราคาหุ้น PTTEP ล่าสุดปิดที่ 624 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 152 บาท หรือ 32.20%, ราคาหุ้น PTT ล่าสุดปิดที่ 260 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 34 บาท หรือ 15.04%, ราคาหุ้น TOP ล่าสุดปิดที่ 70.50 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 บาท หรือ 11.02%, ราคาหุ้น PTTCH ล่าสุดปิดที่ 85.50 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 5.56%,
นอกจากนี้ หากพิจารณาเพียงแค่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 3 เม.ย.-18 เม.ย. ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 72 บาทหรือ 13.04%, ราคาหุ้น PTT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26 บาท หรือ 11.11%, ราคาหุ้น TOP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 6.82%, ราคาหุ้น PTTCH ปรับตัวลดลง 1.50 บาท หรือ 1.72%,
ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) โดยบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 314,367.41 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 408,713.32 บาท เพิ่มขึ้น 94,345.91 บาทหรือ 30.01%, บมจ.ปตท. เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 648,961.01 ล้านบาท
ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 727,283.89 บาท เพิ่มขึ้น 78,322.88 บาท หรือ 12.06%, บมจ.ไทยออยล์ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 131,581.80 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 143,821.97 บาท เพิ่มขึ้น 12,240.17 บาท หรือ 9.30%, บมจ.ปตท.เคมิคอล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 92,753.56 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 96,712.56 บาท เพิ่มขึ้น 3,959 บาท หรือ 4.26%
นายสมบัติ นราวุฒิชัย อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมนักวิเคราะห์ยังไม่ได้มีการสำรวจกับบริษัทหลักทรัพย์เกี่ยวกับการปรับประมาณการดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปี รวมถึงการปรับประมาณการราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น
ทั้งนี้ การสำรวจความเห็นของสมาคมนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการประเมินดัชนี จะทำอีกครั้งภายหลังปัจจัยทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น มีการแต่งตั้งทีมรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจรวมถึงมีการวางนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การประเมินของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละบริษัทจะต้องพิจารณาวิเคราะห์จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งกลุ่มพลังงานเป็นเพียงกลุ่มหนึ่งของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แม้ว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงที่ผ่านมาแต่ก็ยัง ได้แสดงว่าจะต้องมีการปรับตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆตามไปด้วย
**PTTEPหาแนวต้านไม่เจอ
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้านเทคนิค กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานส่งผลดีต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากน้ำหนักการลงทุนหากพิจารณาจากมาร์เกตแคปของหุ้นในกลุ่มพลังงานกับมาร์เกตแคปของตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35- 36% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก
ทั้งนี้ โดยเฉพาะหุ้น PTTEP ที่ราคาปรับตัวขึ้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอย่างชัดเจน แต่การปรับขึ้นของราคาหุ้นดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาจนทำให้ ราคาหุ้นปิดทำนิวไฮด์อย่างต่อเนื่อง ทางด้านเทคนิคไม่สามารถประเมินแนวต้านของหุ้นนั้นได้ แม้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันจะปรับตัวสูงเกินราคาที่บริษัท หลักทรัพย์หลายแห่งมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัดเปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกเรื่องการแตกพาร์จาก 5 บาทเป็น 1 บาทด้วย
ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคราคาหุ้น PTTEP มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่บริษัทยังไม่แนะนำเข้าลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่สูง ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แนะนำถือครองเพื่อรอขาย โดยประเมินแนวรับที่ 608 บาท และให้แนวต้านที่ 648 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทในกลุ่มพลังงานในปี 2549 เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทได้มีการปรับประมาณการมาแล้วแม้ว่าราคาหุ้นในตลาดโลกจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คำแนะนำการลงทุนของบริษัท สำหรับหุ้น PTTEP แนะนำขาย เนื่องจากราคาหุ้นดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 600 บาท ขณะที่หุ้น PTT ประเมินราคาเหมาะสมที่ 270 บาท และหุ้น TOP ประเมินราคาเหมาะสมที่ 73 บาท
นางสาวปองรัตน์ รัตนตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลกเชื่อว่ายังมีโอกาสปรับตัวได้สูงขึ้นจากปัจจุบัน เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเรื่องปริมาณการใช้น้ำมันในโลกเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตที่ยังคงมีส่วนที่เลื่อมล้ำกันไม่มาก
บล.บัวหลวง แนะนำซื้อ PTT โดยให้ราคาเป้าหมาย 276 บาท ขณะที่หุ้น PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 632 บาท ด้านหุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมายที่ 76 บาท
**ปตท.สผ.ใช้พาร์ใหม่24เม.ย.
นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีมติอนุมัติให้ ปตท.สผ. เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) จากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1บาท พร้อมทั้งแก้ไขจำนวนหุ้นสามัญในหนังสือบริคณห์สนธิจาก 664.40 ล้านหุ้น เป็น 3,322 ล้านหุ้น
ด้านตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า ตามที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 5 บาทเป็นหุ้นละ 1 บาทนั้น บัดนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้รับแจ้งว่าบริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ PTTEP มีการซื้อขายในระบบซื้อขายหลักทรัพย์ตามมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ตามที่บริษัทแจ้งตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2549 เป็นต้นไป
|