Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 เมษายน 2549
หุ้นพลังงานพุ่งรับน้ำมัน             
 


   
search resources

Stock Exchange




ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลทำให้ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มดังกล่าวต่างขานรับอย่างชัดเจน

ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่งที่เคยมีการประมาณการรายได้ แนวโน้มธุรกิจและราคาตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวเริ่มมีการพูดถึงการปรับประมาณการอีกครั้งแม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ไม่ถึง 4 เดือน

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ประกอบด้วยบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP,บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือTOP และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH

สำหรับราคาหุ้นตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 18 เม.ย. 48 ราคาหุ้น PTTEP ล่าสุดปิดที่ 624 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 152 บาท หรือ 32.20%, ราคาหุ้น PTT ล่าสุดปิดที่ 260 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 34 บาท หรือ 15.04%, ราคาหุ้น TOP ล่าสุดปิดที่ 70.50 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 บาท หรือ 11.02%, ราคาหุ้น PTTCH ล่าสุดปิดที่ 85.50 บาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 5.56%,

นอกจากนี้ หากพิจารณาเพียงแค่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 3 เม.ย.-18 เม.ย. ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 72 บาทหรือ 13.04%, ราคาหุ้น PTT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26 บาท หรือ 11.11%, ราคาหุ้น TOP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 6.82%, ราคาหุ้น PTTCH ปรับตัวลดลง 1.50 บาท หรือ 1.72%,

ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) โดยบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 314,367.41 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 408,713.32 บาท เพิ่มขึ้น 94,345.91 บาทหรือ 30.01%, บมจ.ปตท. เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 648,961.01 ล้านบาท

ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 727,283.89 บาท เพิ่มขึ้น 78,322.88 บาท หรือ 12.06%, บมจ.ไทยออยล์ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 131,581.80 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 143,821.97 บาท เพิ่มขึ้น 12,240.17 บาท หรือ 9.30%, บมจ.ปตท.เคมิคอล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. อยู่ที่ 92,753.56 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุด 18 เม.ย. อยู่ที่ 96,712.56 บาท เพิ่มขึ้น 3,959 บาท หรือ 4.26%

นายสมบัติ นราวุฒิชัย อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมนักวิเคราะห์ยังไม่ได้มีการสำรวจกับบริษัทหลักทรัพย์เกี่ยวกับการปรับประมาณการดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปี รวมถึงการปรับประมาณการราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น

ทั้งนี้ การสำรวจความเห็นของสมาคมนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการประเมินดัชนี จะทำอีกครั้งภายหลังปัจจัยทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น มีการแต่งตั้งทีมรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจรวมถึงมีการวางนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การประเมินของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละบริษัทจะต้องพิจารณาวิเคราะห์จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งกลุ่มพลังงานเป็นเพียงกลุ่มหนึ่งของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แม้ว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงที่ผ่านมาแต่ก็ยัง ได้แสดงว่าจะต้องมีการปรับตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆตามไปด้วย

**PTTEPหาแนวต้านไม่เจอ

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้านเทคนิค กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานส่งผลดีต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากน้ำหนักการลงทุนหากพิจารณาจากมาร์เกตแคปของหุ้นในกลุ่มพลังงานกับมาร์เกตแคปของตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35- 36% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก

ทั้งนี้ โดยเฉพาะหุ้น PTTEP ที่ราคาปรับตัวขึ้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอย่างชัดเจน แต่การปรับขึ้นของราคาหุ้นดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาจนทำให้ ราคาหุ้นปิดทำนิวไฮด์อย่างต่อเนื่อง ทางด้านเทคนิคไม่สามารถประเมินแนวต้านของหุ้นนั้นได้ แม้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันจะปรับตัวสูงเกินราคาที่บริษัท หลักทรัพย์หลายแห่งมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัดเปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกเรื่องการแตกพาร์จาก 5 บาทเป็น 1 บาทด้วย

ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคราคาหุ้น PTTEP มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่บริษัทยังไม่แนะนำเข้าลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่สูง ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แนะนำถือครองเพื่อรอขาย โดยประเมินแนวรับที่ 608 บาท และให้แนวต้านที่ 648 บาท

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทในกลุ่มพลังงานในปี 2549 เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทได้มีการปรับประมาณการมาแล้วแม้ว่าราคาหุ้นในตลาดโลกจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คำแนะนำการลงทุนของบริษัท สำหรับหุ้น PTTEP แนะนำขาย เนื่องจากราคาหุ้นดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 600 บาท ขณะที่หุ้น PTT ประเมินราคาเหมาะสมที่ 270 บาท และหุ้น TOP ประเมินราคาเหมาะสมที่ 73 บาท

นางสาวปองรัตน์ รัตนตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลกเชื่อว่ายังมีโอกาสปรับตัวได้สูงขึ้นจากปัจจุบัน เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเรื่องปริมาณการใช้น้ำมันในโลกเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตที่ยังคงมีส่วนที่เลื่อมล้ำกันไม่มาก

บล.บัวหลวง แนะนำซื้อ PTT โดยให้ราคาเป้าหมาย 276 บาท ขณะที่หุ้น PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 632 บาท ด้านหุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมายที่ 76 บาท

**ปตท.สผ.ใช้พาร์ใหม่24เม.ย.

นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีมติอนุมัติให้ ปตท.สผ. เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) จากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1บาท พร้อมทั้งแก้ไขจำนวนหุ้นสามัญในหนังสือบริคณห์สนธิจาก 664.40 ล้านหุ้น เป็น 3,322 ล้านหุ้น

ด้านตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า ตามที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 5 บาทเป็นหุ้นละ 1 บาทนั้น บัดนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้รับแจ้งว่าบริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ PTTEP มีการซื้อขายในระบบซื้อขายหลักทรัพย์ตามมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ตามที่บริษัทแจ้งตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2549 เป็นต้นไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us