บิ๊กซีจับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ทำกิจกรรมตลาด ชูมือถือเป็นอาวุธใหม่ ผนึกค่ายผู้ให้บริการประเดิม เอไอเอส จัดแคมเปญใหญ่ "ช้อปโทรฟรี" หวังขยายฐานลูกค้าใหม่จากเอไอเอส 15% และเพิ่มยอดขายกว่า 30% เผยเลือกพรีเพดเอไอเอสก่อนเพราะฐานลูกค้ามาก คาดสิ้นปีจะมีมือถือเข้าร่วมได้ทุกระบบ
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีได้กำหนดยุทธศาสตร์ทางการตลาดที่จะนำมาใช้จะต้องเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ แปลกใหม่และใช้เทคโนโลยี ผสมผสานกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเฉพาะปัจจุบันนี้การใช้มือถือซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกคนก็ว่าได้ ดังนั้นกิจกรรมการตลาดใหม่นี้จะใช้มือถือเป็นอาวุธสำคัญ
จากการสำรวจกลุ่มลูกค้าของบิ๊กซีจากทุกสาขาทั่วประเทศจำนวน 9,000 ราย พบว่า ทุกคนมีมือถือใช้ โดยแบ่งเป็นลูกค้าที่ใช้มือถือของค่ายเอไอเอสประมาณ 47% ดีแทคประมาณ 31% และที่เหลือเป็นของค่ายทรูมูฟ 18% และฮัทช์ 4% ซึ่งในจำนวนของเอไอเอสนั้นพบว่า แบ่งเป็นระบบพรีเพดมากที่สุดถึง 77% และโพสท์เพดประมาณ 17% และอีก 6% คือใช้ทั้ง2แบบ
ทั้งนี้บิ๊กซีจึงได้เลือกจับมือเป็นพันธมิตรกับทางค่ายเอไอเอสก่อนโดยเลือกเอาระบบพรีเพดคือ วัน-ทู-คอล และสวัสดี มาทำเป็นแคมเปญ "ช้อปโทรฟรี" ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปี 2549 เนื่องจากเป็นระบบที่ลูกค้าของบิ๊กซีใช้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้ก็จะทยอยสรุปการเจรจากับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือค่ายอื่นๆที่เหลือ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถร่วมมือกันได้หมด
นางสาวจริยา ยืนยันว่า แคมเปญนี้ทางบิ๊กซีเป็นผู้คิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสามปีที่แล้วและเริ่มเจรจากับทางเอไอเอสเพื่อหารือถึงรายละเอียดการร่วมมือกัน ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ช่วงต้นปีนี้ที่มีประชาชนจำนวนมากที่ใช้ระบบของเอไอเอสได้ทำการเผาซิมและคืนซิมไปจำนวนมากเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง หรือว่าจะมาผลักดันให้ยอดผู้ใช้เอไอเอสเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะเราคิดและเตรียมการมาก่อนหน้านี้
"ความรับผิดชอบของบิ๊กซีคือ ร่วมมือกับซัปพลายเออร์ในการให้ส่วนลดสินค้าและค่าโทรฟรีกับลูกค้า ส่วนเอไอเอสจะรับผิดชอบพัฒนาระบบเพื่อมาเชื่อมต่อกันกับเรา และเราก็ยังคิดต่อไปว่าจะทำยังไงเพื่อต่อยอดจากที่เราทำอยู่เดิมนี้อีกด้วย"
อย่างไรก็ตาม แคมเปญนี้ถือว่าเป็นการสร้างความภักดีต่อบิ๊กซีในตัวผู้บริโภคให้มากขึ้นในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถขยายฐานลูกค้าได้ด้วยโดยใช้ฐานลูกค้าของเอไอเอสที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าของบิ๊กซีให้มาเป็นได้ด้วยในอนาคต ปัจจุบันเอไอเอสมีฐานผู้ใช้มือถือรวมกันทุกระบบประมาณ 16 ล้านราย แบ่งเป็น โพสท์เพด 2 ล้านราย และพรีเพด 14 ล้านราย ขณะที่บิ๊กซีเองก็มีฐานลูกค้าประมาณ 12 ล้านราย โดยมีลูกค้าของบิ๊กซีที่ถือบัตรบิ๊กซีเครดิตการ์ดประมาณ 1 แสนราย ถือบัตรช้อปเปอร์การ์ดประมาณ 80,000 ราย และถือบัตรบิ๊กซีโบนัสการ์ดประมาณ 50,000 ราย
ทั้งนี้คาดว่าแคมเปญนี้จะมีผู้มาลงทะเบียนสมัครในช่วง 4 เดือนแรกนี้ประมาณ 1 ล้านราย และเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะมียอดผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 2 ล้านราย โดยในจำนวนนี้จะเป็นลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าประจำของบิ๊กซีเลยประมาณ 15% รวมทั้งจะสามารถทำยอดขายสินค้าที่เข้าร่วมรายการเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับแคมเปญนี้ลูกค้าสามารถรับบัตรช้อปโทรฟรีได้ที่จุดบริการลูกค้าบิ๊กซีทกุสาขา และลงทะเบียนไม่เสียค่าสมัครตามเงื่อนไข เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการจะได้รับค่าโทรฟรีตามจำนวนที่กำหนดไว้ตามป้ายที่บอกราคาสินค้า และเมื่อสะสมค่าโทรฟรีครบทุก 20 บาทจะโอนเข้าไปในมือถือลูกค้า ส่วนเศษที่ไม่ถึง 20 บาทก็รอให้ครบจึงจะโอนเข้าต่อไป
โดยบิ๊กซีเตรียมสินค้าในแต่ละช่วง 400 รายการหมุนเวียนกันไปประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดความหลากหลายที่เข้าแคมเปญนี้ แต่คาดว่าถึงสิ้นปีจะมีสินค้าที่เข้าร่วมรายการรวมแล้วมากกว่า 4,000 รายการจากซัปพลายเออร์ทั้งหลายและจะมีสินค้าเฮาส์แบรนด์ของบิ๊กซีเองด้วย ซึ่งหากเทียบแล้วแคมเปญนี้ก็เหมือนกับการลดราคาสินค้าให้กับผู้บริโภคเฉลี่ย 3-15% นั่นเองแต่คืนกลับไปในรูปของค่าโทรฟรี แคมเปญนี้บิ๊กซีใช้งบประมาณในการใช้สื่อสนับสนุนประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมายอดขายของบิ๊กซีขายดีเกินเป้าหมาย โดยกลุ่มเสื้อผ้าขายดีมากที่สุด รองมาก็คือ ประเภทเครื่องดื่ม โดยปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่แล้วที่โต 12% ซึ่งปีที่แล้วมีรายได้รวม 53,194.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีประมาณ 47,412 ล้านบาท หรือเติบโต 12.2% ส่วนปีที่แล้วมีกำไร 1,882.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% จากปี 2547 ที่มีกำไร 1,601.1 ล้านบาท
|