Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2539
"เตชะไพบูลย์ ขายบางปูมา 20 ปี วันนี้ 'วันจักร วรดิลก' ก็ยังต้องมาขายต่อ"             
 

   
related stories

สำหรับเจ้าของโรงงาน-นิคมอุตสาหกรรมบางปูมีที่ตั้งและการบริหารได้เปรียบกว่า

   
search resources

นิคมอุตสาหกรรมบางปู
อุเทน เตชะไพบูลย์
วันจักร วรดิลก
ไพบูลย์ สำราญภูติ
เล็ก เศรษฐภักดี
Real Estate




จะว่าไปแล้ว การรวบรวมที่ดินผืนใหญ่นับหมื่นไร่ ริมถนนสุขุมวิทเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว มาพัฒนาเป็น "นิคมอุตสาหกรรมบางปู" เป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ อื้อจือเหลียง, อุเทน เตชะไพบูลย์ และ เล็ก เศรษฐภักดีเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่ดินแปลงปัจจุบันที่กำลังทยอยทำรายได้ให้กับตระกูลเตชะไพบูลย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่อย่างสม่ำเสมอ

ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเวลานั้น เจ้าสัวอุเทน ไม่ได้มีความคิดในเรื่องของนิคมอุตสาหกรรมเลย เพราะวัตถุประสงค์เดิมก็คือ ตั้งใจจะพัฒนาที่ดินผืนนี้เป็นสวนสนุกแบบดิสนีย์แลนด์ของอเมริกา โดยตั้งชื่อบริษัทในครั้งนั้นว่าบริษัทแดนสำราญ จำกัด แต่พอปี 2515 ก็เปลี่ยนความคิดใหม่โดยจะตั้งเป็นโครงการอุทยานนครให้ศาสตราจารย์อัน นิมมานเหมินทร์ แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ออกแบบโครงการ ซึ่งได้แบ่งการใช้ที่ดินออกเป็นเขตอุตสาหกรรม เขตที่พักอาศัยและเขตพักผ่อนหย่อนใจ

โครงการเมืองอุทยานได้กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมบางปูเมื่อได้เข้าร่วมกับการนิคมแห่งประเทศไทยเมื่อปี 2520 นับว่าเป็นนิคมอุตสาหกรรมโครงการแรกของเมืองไทย

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อนนั้นที่ดินบางแปลงในนิคมบางปู อาจจะซื้อมาในราคาเพียงตารางวาละ 5 บาท ตกราคาไร่ละ 500 บาทเท่านั้น แต่ที่ดินบางแปลงที่ซื้อเพิ่มมาใหม่ในช่วง 2-3 ปีนี้ราคาตารางวาละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท หรือไร่ละประมาณ 8 หมื่นบาทถึง 1 ล้านบาท

ในขณะที่เมื่อนำมาพัฒนาแล้วปัจจุบันบริษัทขายที่ดินในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมขายไร่ละ 3 ล้านบาทขึ้นไป

บางปูเริ่มพัฒนาที่ดินขายตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส เฟสแรกมีจำนวนที่ดินประมาณ 3,700 ไร่ ซึ่งขายหมดไปแล้วตั้งแต่ปี 2530 ในปี 2533 บริษัทเริ่มทำในเฟสที่ 2 อีก 1,500 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 2 โซนคือ โซนเอ 650 ไร่ ซึ่งกำลังขายอยู่ และโซนบี 970 ไร่ที่จะเปิดขายเร็ว ๆ นี้

20 ปีที่ผ่านมาของการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ช่วงที่การขายหนักหนาสาหัสที่สุดของนิคมอุตสาหกรรมบางปู คือหลังเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียใหม่ ๆ ที่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศวิ่งหนีหายกันไปหมด นอกจากเจอภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องหลังสงครามแล้วปรากฎว่าเศรษฐกิจที่ฟูฟ่อง เป็นฟองสบู่นั้นได้ก่อให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นอีกหลายสิบโครงการ นิคมบางปูจึงประสบปัญหาซ้ำสองคือเรื่องคู่แข่ง

ไพบูลย์ สำราญภูติ คือนักการตลาดมือหนึ่ง ที่ทางบริษัทหวังไว้ว่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ในช่วงวิกฤต แต่ไพบูลย์ก็อาจจะไม่ค่อยสำราญนักในตอนนั้นเพราะนอกจากสองปัญหาดังกล่าวแล้ว นิคมบางปูต้องมาเจอกับปัญหากับสำนักงานสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สาม สาเหตุจากที่ว่าปัญหาเรื่องระบบการกำจัดน้ำเสียในโครงการเฟสแรกที่สร้างปัญหาให้กับชุมชนใกล้เคียงเมื่อสิ่งแวดล้อมไม่ผ่าน ทางสำนักงานที่ดินก็ไม่ยอมออกใบอนุญาต การโอนที่ดินอีกหลายแปลงก็เลยมีปัญหา กว่าจะแก้ไขในเรื่องนั้นได้นิคมอุตสาหกรรมบางปูต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ข่าวคราวในเรื่องนั้นส่งผลกระทบถึงการขายโครงการในเฟส 2 เช่นกัน

อย่างไรก็ตามไพบูลย์เคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในอดีตหลังจากลาออกจากนิคมบางปูว่า เขาประสบความสำเร็จในการขายให้กับนิคมบางปูไม่น้อยกว่า 500 ไร่และบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงได้ลาออกมา

หมดยุคไพบูลย์ นิคมบางปูหาผู้บริหารมารับผิดชอบต่อเป็นเวลานาน จนในที่สุดก็ได้ผู้บริหารหน้าใหม่ล่าสุดคือ "วันจักร วรดิลก" อดีตผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

วันจักรเป็นกรรมการท่านหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ในฐานะตัวแทนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมานาน จึงรับรู้ปัญหาของการนิคมบางปูมาโดยตลอด พอเกษียณจากการนิคมฯ เมื่อตุลาคม 2537 ก็เลยมานั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปตำแหน่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปูเตรียมไว้รอรับทันที

แน่นอนปัญหาแรกที่ต้องรีบจัดการก็คือ ปัญหากับสำนักงานสิ่งแวดล้อม วันจักรบอกว่า เขาให้เวลาและทุ่มเทในเรื่องการประสานงานกับสิ่งแวดล้อมมาก จนในที่สุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2539 ปัญหาเรื่องนี้จึงได้เรียบร้อย

นอกจากนั้นเมื่อเดือนธันวาคม 2538 ได้มีประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรมมาว่า ห้ามตั้งและขยายโรงงานที่มีมลภาวะ ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากขอตั้งในเขตของการนิคม

นิคมบางปูกำลังรอรับ "ส้มหล่น" อย่างเต็ม ๆ พื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมในเขตโซนบี อีก 970 ไร่ จึงกำลังจะเปิดขายในเร็ว ๆ นี้

นอกจากการขายพื้นที่ในโซนบี ยังเตรียมเปิดขายโครงการมินิแฟคตอรี่ในพื้นที่อีก 61 ไร่ ติดถนนสุขุมวิท พร้อม ๆ กับการขายโครงการที่อยู่อาศัยซิตี้วิลเลจ ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ ซึ่งในส่วนนี้ได้ทำการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2533 และขายหมดสร้างเสร็จแล้วประมาณ 1,000 หลัง เพื่อรองรับคนงานในจำนวนประมาณ 3 หมื่นคนในโรงงานประมาณ 300 โรงในเฟสแรก

ทุกวันนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ในนิคมบางปูยังคงเป็นของกลุ่มเตชะไพบูลย์ โดยมีอุเทน เป็นประธาน ยอดยิ่ง เอื้อวัฒนกุล ลูกชายคนโตของอื้อจือเหลียง เป็นรองประธานและมีนิพิธ โอสถานนท์ ลูกเขยคนโตของอุเทนเป็นกรรมการผู้จัดการ

นับเป็นที่ดินแปลงเก่าที่ยังทำเงินไปได้เรื่อย ๆ ของเตชะไพบูลย์ แถมยังเหลือพื้นที่ดินอีก 2,000 ไร่ ส่วนจะปล่อยขายได้เร็วหรือไม่ก็ต้องฝากไว้กับฝีมือการบริหารและสายสัมพันธ์ของผู้จัดการทั่วไปคนใหม่นี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us