|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยปี 48 บริษัทจดทะเบียนจำนวน 504 บริษัทจ่ายภาษีสูงกว่า 7 หมื่นล้านบาท "โสภาวดี"เผยต้นทุนการระดมทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนตั้งแต่ปี 47 ถึงส.ค.48 เฉลี่ยประมาณ 26 ล้านบาท ระบุมีบริษัทที่มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อีก 33 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 21 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 12 บริษัท
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2548 ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯหรือ SETและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอหรือ mai รวมมูลค่า 71,082 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 140 ล้านบาทต่อบริษัท โดยบริษัทจดทะเบียน 504 บริษัท เสียภาษีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณ 20% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบซึ่งมีจำนวนนิติบุคคลรวมประมาณ 260,000 บริษัท
ทั้งนี้บริษัทที่เข้าจดทะเบียนระหว่างปี 2544 – 2548 เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่เข้าจดทะเบียนถึงปี 2548 รวมมูลค่า 55,152 ล้านบาท
โดยหากเปรียบเทียบจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนกับจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของนิติบุคคลทั้งระบบในช่วงปี 2544 – 2547 แล้วพบว่าบริษัทจดทะเบียนเสียภาษีโดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 45% ในขณะที่นิติบุคคลทั่วไปมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 16%
อย่างไรก็ตามภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐมอบให้แก่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เสียภาษีในอัตรา 25% และ 20% ตามลำดับ ในขณะที่บริษัทนอกตลาดเสียภาษีในอัตรา 30%
จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทสนใจเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน 2544 ถึง ไตรมาสแรก ปี 2549 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมทั้งสิ้น 160 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 117 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 43 บริษัท
ในส่วนของบริษัทที่มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เนื่องจากได้ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนภายในปี 2548 จำนวน 33 บริษัทแบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 21 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอจำนวน 12 บริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านี้จะต้องดำเนินการเข้าซื้อขายให้ทันในปี 2549 ซึ่งในจำนวนนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติคำขอแล้วจำนวน 11 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 7 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอจำนวน 4 บริษัท
ประธานศูนย์ระดมทุนกล่าวต่อว่า ยังมีบริษัทซึ่งแสดงความสนใจจะเข้าจดทะเบียน เนื่องจากต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปี 2549 อีกจำนวน 120 บริษัท เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมีส่วนช่วยชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้จากการรวบรวมต้นทุนในการระดมทุนของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปี 2547 ถึง เดือนสิงหาคม 2548 จำนวน 74 บริษัท พบว่าบริษัทมีต้นทุนในการระดมทุนเฉลี่ยประมาณ 26 ล้านบาทต่อบริษัท
|
|
|
|
|