การจัดรายการฟุตบอลไทยแลนด์ลีกขึ้นมา ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ ก็เป็นปมขัดแย้งหนึ่งที่จะสร้างปัญหาระหว่างการทำงานในระดับสโมสรกับการทำทีมชาติของบิ๊กหอย
ในเรื่องตัวนักฟุตบอล
ผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลของไทยชี้ให้เห็นความบกพร่องของสมาคม ในประเด็นไทยแลนด์ลีกว่า
ทางสมาคมไม่มีการเตรียมแผนงานรองรับในหลาย ๆ ด้าน ที่สุดจึงเกิดปัญหา และจะยังมีปัญหาตามมาอีกมาก
ปัญหาแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาก็คือ ไม่มีการเคลียร์กันก่อนว่าการทำงานในระดับทีมชาติกับการทำงานระดับสโมสรจะต้องเดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างไร
เพราะทางฝ่ายบิ๊กหอยก็จะเอาตามแนวทางที่ตนต้องการ ซึ่งว่าไปแล้วมันขัดกับระบบสากลที่ทำกัน
เพราะไม่มีประเทศไหนที่เก็บตัวทีมชาติกันเป็นปี ๆ ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาเพราะยังไม่มีทัวร์นาเมนท์ยาว
ๆ แต่เมื่อเกิดไทยแลนด์ลีกแล้ว ตรงนี้ต้องมีทางออก
"เรามองกันว่าไทยแลนด์ลีกจะเป็นแนวทางเลือกใหม่ที่จะทำให้วงการฟุตบอลของไทยยกระดับขึ้น
พัฒนาขึ้น แต่ถ้าทีมชาติแบบที่เป็นอยู่ ระดับสโมสรก็ไม่มีวันที่จะพัฒนาขึ้นมาเพราะนักฟุตบอลฝีมือดี
ๆ จะถูกดึงเข้าไปฝึกซ้อมกับทีมชาติ เกือบทั้งสัปดาห์จะปล่อยออกมาก็แค่วันแข่งขันเท่านั้น
นักบอลทีมชาติอาจถูกบังคับด้วยวินัย และสิ่งล่อใจ คือค่าฝึกซ้อมที่มากกว่าระดับสโมสรหลายเท่า
ตรงนี้ก็ดาบสองคม เมื่อไม่ได้ซ้อมกับทีมในระดับสโมสร เวลาแข่งสโมสรใหญ่ ๆ
ที่มีนักเตะระดับชาติ ก็โชว์ผลงานได้ไม่ดีพอ ไม่เฉพาะทำให้การพัฒนาไม่มี
แต่จะทำให้ผู้ชมไม่ศรัทธา ที่สุดความสนในในเกมนี้ก็จะลดลง สุดท้าย ทัวร์นาเมนท์นี้ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
มันเป็นผลโยงใยกันอย่างต่อเนื่อง"
แม้ว่าแนวทางของบิ๊กหอย จะได้รับการพิสูจน์ในระดับหนึ่งว่าประสบความสำเร็จ
แต่เมื่อถึงวันนี้เราจำเป็นจะต้องเลือกแล้วว่าจะเอาอย่างไร
"การทำทีมชาตินาน ๆ ยังจำเป็นอยู่ เพราะระดับสโมสรยังไม่แกร่งพอ ต้องรอก่อน
ให้สโมสรแข็งก่อน การทำทีมชาติจึงจะต้องมาดูอีกทีว่าจะเอาอย่างไร การทุ่มไปยังสโมสรให้แข็งแกร่งก่อนนั้น
ถามว่าคุณรอได้ไหม" บิ๊กหอยกล่าวยืนยันว่าแนวทางของตนยังใช้ได้
มันกลายเป็นเรื่องต่างคนต่างมอง บิ๊กหอยยังมั่นคงในความคิดของตน และยอมรับว่าปมขัดแย้งนี้จะมีไปอีกนาน
แต่เรื่องนี้ทางสโมสรใหญ่ที่เข้าร่วมการแข่งขันมองว่าถ้าจะปล่อยให้ความขัดแย้งยืดเยื้อไป
ทุกอย่างคงพังแน่
หลังจากไทยแลนด์ลีก บรรเลงเพลงเตะได้ไม่นานนัก การรวมตัวเพื่อเรียกร้องแนวทางที่ตนเองมองว่าต้องทำจึงเกิดขึ้น
มานิตย์ ศรีดารณพ ในฐานะตัวแทนสโมสรสินธนา ศึ่งมีมนตรี สุวรรณร้อยเป็นเจ้าของคือหัวหอกในการยื่นจดหมายต่อสมาคมฟุตบอล
ร่วมด้วยอีก 10 สโมสรใหญ่ที่เข้าแข่งไทยแลนด์ลีก และก็ไม่รู้ว่าการประท้วงเพื่อส่วนรวมครั้งนี้มีความแค้นส่วนตัวเจือปนด้วยหรือไม่
การเรียกร้องแม้จะมีหลายประเด็นแต่ก็พุ่งเป้าไปที่การทำงานของบิ๊กหอย ในการเก็บตัวทีมชาติไว้เพียงผู้เดียว
ว่าต้องเปลี่ยน
ผลที่ออกมาก็คือ ทางสมาคมโอนอ่อนให้กับสโมสร ตามมาด้วยบิ๊กหอยประกาศลาออกจากผู้จัดการทีม
และประกาศจะกลับไปสร้างทีมส่วนตัวโดยเฉพาะ
ซึ่งการประกาศลาออกของบิ๊กหอยในครั้งนี้ ผู้สันทัดวงการฟุตบอลของไทย ชี้ว่าเป็นเกมวัดอุณหภูมิของฝ่ายบิ๊กหอย
แต่จุดหักเหสำคัญอยู่ตรงที่ถิรชัย วุฒิธรรม ออกมาประกาศเกือบจะทันควันว่า
พร้อมที่จะเข้ารับหน้าที่แทนบิ๊กหอย พร้อมด้วยประโยคสะท้านวงการที่ว่า บิ๊กหอยถึงเวลาพักผ่อนแล้ว
ในช่วงเวลานั้นผู้คนที่นั่งมองการทำงานของสมาคมอยู่รอบ ๆ หรือผู้เกี่ยวข้องในวงการล้วนสับสน
"สมาคมกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่"
เมื่อทั้งสโมสรใหญ่ที่ถือเป็นตัวหลักของวงการฟุตบอลพร้อมใจกันยื่นจดหมาย
ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในวงการนี้ ทั้งสภากรรมการกลุ่มหนึ่งประกาศตัวว่าพร้อมทำทีมชาติ
แรงบีบที่มาพร้อม ๆ กันในครั้งนี้ ทำให้อาจารย์วิจิตรต้องคิดหนักเหมือนกันว่าจะเอาอย่างไร
เพื่อหาทางออกให้กับบิ๊กหอย
แค่เพียงนั้นก็พอแล้ว
แต่เกมครั้งนี้บิ๊กหอย ก็ต้องยอมให้กับสโมสร เพราะไม่เห็นหนทางที่จะดันทุรังต่อไป
แม้จะอ้างว่าสโมสรต้องเห็นแก่การทำงานเพื่อชาติแต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่เก่าเกินไปในยุคปัจจุบันเสียแล้ว
การเก็บตัวฝึกซ้อมของทีมชาติจะมีเพียงสัปดาห์ละ 3 วัน คือจันทร์ถึงพุธเท่านั้น
จากเดิมที่มีเกือบจะทั้งสัปดาห์หรืออย่างน้อยสุดก็ 5 วัน
การเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศเป็นเวลานาน ๆ ของทีมชาติก็จำเป็นต้องเบรกไว้
เพราะกระเทือนสโมสรต่าง ๆ แน่นอน
"เมื่อเราตกลงร่วมกันแล้วว่า ไทยแลนด์ลีกคือทางออกที่ถูกต้อง เพื่ออนาคตเราก็ต้องยอมที่จะเสียเวลาไปบ้าง
ถ้าคุณคิดว่าการเก็บตัวทีมชาติเป็นปี ๆ แล้วเราจะไปบอลโลกได้ ก็กี่ปีมาแล้ว
มันไม่ได้คืบหน้าแค่ไหนเลย แล้วก็ไม่เกิดอะไรกับวงการโดยรวมเลย" โค้ชจากสโมสรหนึ่งที่เข้าร่วมแข่งขันไทยแลนด์ลีกกล่าวต่อ
"ผู้จัดการ"
และอีกหลายกุนซือ ไม่ว่าจะรักใคร่ชอบพอกับบิ๊กหอยหรือไม่ก็ตาม ล้วนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันที่ว่า
การทำงานของบิ๊กหอยในประเด็นการเก็บตัวทีมชาติถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน เพราะปัจจัยรอบด้านมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
"ไม่มีใครเก็บตัวทีมชาติ ทั้งปีทั้งชาติอย่างนี้หรอก" อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ
ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชให้กับสโมสรใหญ่แห่งหนึ่งกล่าว
แม้แต่ วรวีร์ ยังกล่าวว่า การเก็บตัวทีมชาติไว้นาน ๆ คงทำไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ความเห็นของเหล่ากุนซือในระดับสโมสร และคนในวงการที่ต้องให้เห็นแทกติกาการเล่นฟุตบอลของทีมชาติไทยพัฒนาให้ทันโลกฟุตบอลสมัยใหม่
ด้วยการว่าจ้างผู้ฝึกสอน หรือโค้ชจากต่างประเทศที่พัฒนาแล้วในเชิงลูกหนังก็ได้รับการตอบสนองจากสมาคมซึ่งบิ๊กหอยก็จำใจต้องยอมรับ
ถึงตรงนี้ แม้บิ๊กหอยจะได้ทำทีมชาติต่อไป แต่การทำงานในทุกเรื่อง ก็ไม่ใช่แบบฉบับของบิ๊กหอย
เช่นดรีมทีมในอดีตเสียแล้ว
การทำทีมชาติ โดยไม่ใช่แนวทางที่บิ๊กหอยคิด และต้องการ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นแค่ขุนคลัง
ซึ่งบิ๊กหอยปฏิเสธที่จะเป็นมาตั้งแต่แรก
ไม่รู้ว่านี่คือเกมของใคร
บิ๊กหอย จะรู้หรือไม่ว่าครั้งนี้ตนเองถูกใบแดงไล่ออกไปแล้ว